คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร หากคู่รักที่คบหาดูใจกันมาสักระยะ จะวางแผนสร้างอนาคตร่วมกันด้วยการซื้อบ้านสักหลัง เพื่อวางรากฐานความมั่นคงในที่อยู่อาศัย หรือใช้เป็นเรือนหอในอนาคต ซึ่งแน่นอนว่าข้อดีของการกู้เงินจากธนาคารร่วมกับคนรัก หรือกู้ร่วมเพื่อซื้อบ้านนั้น จะช่วยเพิ่มโอกาสในการอนุมัติสินเชื่อบ้านได้ง่ายขึ้น เพราะเป็นการช่วยกระจายความเสี่ยงในการผ่อนชำระ มีระยะเวลาผ่อนชำระได้นานขึ้น ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของผู้ยื่นขอสินเชื่อ และที่สำคัญคือมีโอกาสได้วงเงินกู้ซื้อบ้านเพิ่มขึ้นด้วย
และสำหรับคู่รักคู่ไหนที่กำลังวางแผนอยากกู้ร่วม แล้วไม่ทราบว่าจะต้องเตรียมตัวอย่างไร หากคบหาดูใจกันมานานแต่ไม่ได้แต่งงานกัน หรือแต่งงานแล้วแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน จะสามารถกู้ร่วมกันได้ไหม วันนี้เรามีคำตอบมาบอกกัน
หากคุณกับคนรักแต่งงานกันและมีการจดทะเบียนสมรสกันอย่างถูกต้องตามกฏหมาย การกู้บ้านร่วมกับคู่สมรสนั้นง่ายแสนง่าย เพียงแค่แสดง “สำเนาทะเบียนสมรส” พร้อมเอกสารส่วนตัวอื่นๆ ประกอบในการยื่นกู้ตามที่ธนาคารกำหนด
ส่วนคู่ไหนที่ยังไม่ได้แต่งงาน หรือแต่งงานแล้ว แต่ยังไม่ได้จดทะเบียนสมรส ก็ไม่ต้องกังวลใจไป เพราะสามารถกู้ร่วมได้เช่นกัน แต่ต้องเตรียมหลักฐาน หรือเอกสารที่สามารถยืนยันความสัมพันธ์ได้ เช่น
o ภาพถ่ายวันแต่งงาน / การ์ดงานแต่ง (กรณีที่แต่งงานแล้ว แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส)
o สำเนาทะเบียนบ้านที่ระบุชื่อของคู่ครอง / คู่สมรส ที่แสดงว่าปัจจุบันอยู่กินร่วมกันฉันสามีภรรยา
o ใบลงบันทึกประจำวันจากสถานีตำรวจ ที่มีการระบุว่าอยู่ร่วมกันฉันสามีภรรยา แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน
o ใบสูติบัตรของบุตร / หนังสือรับรองบุตร ฯลฯ
หมายเหตุ: เอกสารที่ใช้แสดงหลักฐานจะแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับแต่ละธนาคารกำหนด
กู้ซื้อบ้านร่วมกันแต่เลิกรากันในขณะที่ผ่อนบ้านยังไม่หมด ควรทำอย่างไร?
เพราะความสัมพันธ์เป็นเรื่องคาดเดาได้ยาก วันนี้อาจรักกัน วันข้างหน้าอาจจะเลิกรากันก็เป็นได้ ดังนั้น หากมีปัญหาที่ต้องแยกทางกัน สามารถแก้ไขปัญหาได้หลายวิธี ดังนี้
o กรณีที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส
หากไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน ทั้งสองฝ่ายต้องทำข้อตกลงร่วมกันเองก่อนว่าต้องการให้ใครเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ต่อ จากนั้นค่อยติดต่อธนาคารเพื่อแจ้งถอนรายชื่อผู้กู้ร่วมออก โดยแจ้งเป็นกรณีหย่าร้างกันแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ซึ่งธนาคารจะประเมินความสามารถของผู้ที่ต้องการถือกรรมสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวว่า สามารถผ่อนชำระคนเดียวไหวหรือไม่ หากประเมินแล้วไม่ผ่าน จะต้องหาชื่อผู้กู้ร่วมคนอื่น ที่มีความสัมพันธ์เป็นเครือญาติกับผู้กู้เท่านั้นเข้ามาเป็นผู้กู้ร่วมด้วย ส่วนจำนวนเงินที่ผ่อนร่วมกันมากับอดีตคนรัก จะต้องไปตกลงร่วมกันเองว่าจะแบ่งคืนหรือไม่คืน
o กรณีที่จดทะเบียนสมรส
หากจดทะเบียนสมรสกันแล้วเลิกรากัน ให้ตกลงกันให้เรียบร้อยว่าบ้านจะเป็นของใคร ใครจะเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ จากนั้นให้ทำสัญญาจะซื้อจะขาย แล้วจดทะเบียนหย่าให้เรียบร้อย จากนั้นนำใบหย่าพร้อมสัญญาจะซื้อจะขาย ไปขอถอนชื่ออีกฝ่ายออกจากสัญญากู้ร่วมที่กู้ไว้กับธนาคาร ซึ่งธนาคารจะเปลี่ยนแปลงรูปแบบสินเชื่อที่อยู่อาศัย และให้ทำสัญญาเงินกู้ใหม่กับผู้ที่ต้องการผ่อนต่อ และเมื่อขอวงเงินกู้บ้านฉบับใหม่ได้แล้ว ทางธนาคารจะนำเงินส่วนหนึ่งจ่ายให้กับอดีตคู่สมรสด้วย
o รีไฟแนนซ์จากกู้ร่วมเป็นกู้คนเดียว
การรีไฟแนนซ์จากกู้ร่วมเป็นกู้คนเดียว เหมาะสำหรับผู้ที่ยื่นถอนรายชื่อผู้กู้ร่วมไม่ผ่าน เพราะธนาคารประเมินแล้วว่า ผู้ที่จะถือกรรมสิทธิ์ผู้เดียวนั้นไม่มีความสามารถในการผ่อนชำระบ้านคนเดียวได้ ดังนั้น การรีไฟแนนซ์ไปธนาคารอื่น เพื่อทำเรื่องขอยื่นกู้ซื้อบ้านคนเดียว จึงเป็นอีกหนึ่งทางออก ทั้งนี้ ธนาคารที่เราขอรีไฟแนนซ์จะเป็นผู้ประเมินความสามารถในการชำระหนี้อีกครั้ง โดยพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วย เช่น รายได้ของผู้กู้ ยอดดาวน์ที่กู้ซื้อบ้าน ภาระหนี้ต่อเดือนของผู้ยื่นกู้ ประวัติเครดิตบูโร เป็นต้น
o ประกาศขายบ้าน
หากตกลงกันแล้วว่าไม่มีใครต้องการครอบครองกรรมสิทธิ์บ้าน การขายบ้านคือทางออกที่ดีที่สุด ซึ่งต้องมีการยินยอมขายจากทั้งสองฝ่าย โดยก่อนประกาศขายจะต้องทำการตรวจสอบสภาพบ้านและค่าธรรมเนียมต่างๆ ก่อนขายด้วย เช่น ค่าธรรมเนียมการโอน ค่าอากรแสตมป์ ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย เป็นต้น
การกู้เงินซื้อบ้านสักหลังกับธนาคาร ไม่ว่าจะกู้ซื้อคนเดียวหรือกู้ร่วมกับคนรัก จำเป็นต้องวางแผนการเงินให้ดี และมองอนาคตให้ไกล ที่สำคัญคือต้องมีแผนสำรองทางการเงิน ซึ่งการมีบัตรกดเงินสดหรือบัตรสินเชื่อเงินสดติดตัวไว้ เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะช่วยสร้างความอุ่นใจให้กับคุณ และคนรักยามที่จำเป็นต้องใช้เงินสดอย่างเร่งด่วน โดยที่เราไม่ต้องเสี่ยงกับการกู้เงินนอกระบบ โดยเราขอแนะนำบัตรกดเงินสดยูเมะพลัส ที่จะช่วยให้คุณใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น เพราะสามารถกดเงินสดได้ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมอัตราดอกเบี้ย 0% นานถึง 30 วัน* สามารถเลือกจ่ายคืนได้อย่างอิสระ ใช้น้อยก็กดน้อย แค่ 100 บาท ก็สามารถกดได้ หรือหากสมัครไว้แล้วไม่ได้ใช้ก็ไม่เกิดค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น นับว่าเป็นอีกหนึ่งแผนสำรองด้านการเงินที่ควรค่าแก่การมีติดตัวไว้สักใบจริงๆ
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด