ในยามที่เรามีความจำเป็นเร่งด่วนต้องใช้เงินสด บัตรเครดิตกดเงินสดอาจเป็นทางเลือกหนึ่งที่หลายคนนึกถึง แต่หลายคนยังสงสัยว่าสามารถทำได้จริงหรือไม่ มีค่าใช้จ่ายอะไรแฝงอยู่บ้าง และจะส่งผลกระทบต่อสถานะทางการเงินอย่างไร มาทำความเข้าใจเรื่องบัตรเครดิตกดเงินสดให้ชัดเจนยิ่งขึ้น

บัตรเครดิตกดเงินสดได้ไหม

บัตรเครดิตสามารถกดเงินสดได้จริง โดยเป็นบริการเสริมที่ธนาคารผู้ออกบัตรเครดิตมอบให้แก่ผู้ถือบัตร เรามีตัวเลือกในการกดเงินสดผ่านแอปพลิเคชันของธนาคารหรือผู้ให้บริการบัตรเครดิต หรือใช้บัตรเครดิตกดเงินสดโดยตรงจากตู้ ATM ที่รองรับบริการนี้ได้เลย อย่างไรก็ตาม เราควรทราบว่าการใช้บัตรเครดิตกดเงินสดจะมีค่าธรรมเนียมและอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าการรูดซื้อสินค้าหรือบริการตามปกติ ทำให้เรามีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้นกว่าการใช้บัตรเครดิตในรูปแบบปกติ

วงเงินสำหรับการกดเงินสดได้วันละเท่าไหร่

วงเงินในการกดเงินสดจากบัตรเครดิตจะขึ้นอยู่กับนโยบายของผู้ออกบัตรแต่ละราย โดยทั่วไปแล้วเราสามารถเบิกถอนเงินได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งต่อวัน แต่จะมีการกำหนดวงเงินสูงสุดต่อครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ที่ประมาณ 20,000 บาท และวงเงินรวมสูงสุดต่อวันจะไม่เกินวงเงินบัตรเครดิตที่เราได้รับอนุมัติ นอกจากนี้ หากเราต้องการโอนเงินระหว่างธนาคารผ่านระบบ ORFT ทางเครื่อง ATM หรือ CDM ของธนาคาร เราสามารถโอนได้ไม่เกิน 50,000 บาทต่อครั้ง และสูงสุดไม่เกินวงเงินที่มีอยู่ในบัตรต่อวัน

ใช้บัตรเครดิตกดเงินสดต้องเสียอะไรบ้าง

การกดเงินสดจากบัตรเครดิตมาใช้มีค่าใช้จ่ายหลายส่วนที่เราต้องรับภาระ เริ่มจากค่าธรรมเนียมการเบิกถอนเงินสดซึ่งคิดในอัตรา 3% ของยอดเงินที่เราเบิกถอน นอกจากนี้ ยังมีภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) อีก 7% ที่คิดจากค่าธรรมเนียมการเบิกถอน และที่สำคัญคือดอกเบี้ยรายวันที่เริ่มนับตั้งแต่วันที่เราเบิกถอนเงินจนถึงวันที่ชำระคืนเงินครบถ้วน ซึ่งไม่มีระยะเวลาปลอดดอกเบี้ยเหมือนการใช้บัตรเครดิตซื้อสินค้าทั่วไป ทำให้มีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าการใช้บัตรเครดิตในรูปแบบปกติอย่างมาก

ตัวอย่าง

กดเงินจากบัตรเครดิต 5,000 บาท โดยมีดอกเบี้ยบัตรเครดิต 16% ต่อปี

  • ค่าธรรมเนียมเบิกถอนเงินสดล่วงหน้า 3% = 5,000 × 3% = 150 บาท
  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 7% = 150 × 7% = 10.50 บาท
  • ดอกเบี้ย (บัตรเครดิต 16% ต่อปี) ดอกเบี้ยในแต่ละวัน = (จำนวนเงินสดที่กด × อัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิต) ÷ 365 = (5,000 × 16%) ÷ 365 = 2 บาท/วัน
  • กรณีชำระคืนภายใน 30 วัน จะเสียดอกเบี้ยรวม = 2 × 30 = 60 บาท
  • จะต้องจ่ายคืน 5,220.50 บาท
ตัวอย่างคำนวณค่าธรรมเนียมและดอกเบี้ย

กดแล้วต้องจ่ายคืนอย่างไร

เมื่อเราตัดสินใจกดเงินสดจากบัตรเครดิตแล้ว การชำระคืนจะใช้วิธีเดียวกับการชำระยอดใช้จ่ายบัตรเครดิตตามปกติ โดยยอดเงินที่กดจะปรากฏอยู่ในใบแจ้งยอดบัตรเครดิตในรอบบัญชีนั้น ๆ พร้อมกับค่าธรรมเนียมและดอกเบี้ยที่เกิดขึ้น เราสามารถเลือกชำระคืนเต็มจำนวนเพื่อหยุดการคิดดอกเบี้ย หรือเลือกชำระขั้นต่ำตามที่ธนาคารกำหนด ซึ่งโดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 3-5% ของยอดคงค้าง อย่างไรก็ตาม หากเราเลือกชำระขั้นต่ำ ดอกเบี้ยจะยังคงถูกคิดจากยอดคงค้างทั้งหมดทำให้ภาระหนี้เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ

ข้อควรระวัง

การกดเงินสดจากบัตรเครดิตอาจส่งผลกระทบต่อเครดิตการเงินของเราได้ โดยเฉพาะเมื่อมีการกดเงินในจำนวนที่สูง เพราะจะทำให้อัตราส่วนการใช้วงเงินบัตรเครดิต (Credit Utilization) เพิ่มสูงขึ้นทันที ยิ่งถ้าจำนวนที่ใช้เกือบเทียบเท่าหรือเท่ากับวงเงินที่มีอยู่ จะส่งผลให้คะแนนเครดิต (Credit Score) หรือความน่าเชื่อถือทางการเงินของเราลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ในมุมมองของสถาบันการเงิน การที่เราจำเป็นต้องพึ่งพาเงินจากบัตรเครดิตซึ่งมีต้นทุนสูง อาจสะท้อนถึงสถานะทางการเงินที่ไม่มั่นคงและการจัดการการเงินที่ขาดประสิทธิภาพ เหตุผลเหล่านี้อาจนำไปสู่การปฏิเสธการอนุมัติสินเชื่อในอนาคต หรือได้รับการอนุมัติในวงเงินที่น้อยลงกว่าที่ควรจะเป็น

บัตรเครดิตกดเงินสดเป็นทางเลือกที่สะดวกในยามจำเป็นเร่งด่วน แต่มาพร้อมกับต้นทุนที่สูงทั้งค่าธรรมเนียมและดอกเบี้ย เราควรใช้บริการนี้อย่างระมัดระวังและมีแผนการชำระคืนที่ชัดเจน หากต้องการเข้าถึงเงินสดในรูปแบบที่มีค่าใช้จ่ายน้อยกว่า อาจพิจารณาทางเลือกอื่น เช่น สินเชื่อส่วนบุคคลหรือบัตรกดเงินสดโดยเฉพาะที่มีดอกเบี้ยต่ำกว่า สำหรับใครที่สนใจสมัครบัตรกดเงินสดยูเมะพลัส ที่สามารถสั่งเงินโอนเข้าบัญชีได้แบบไม่มีค่าธรรมเนียม และคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกตามที่ใช้จริง ไม่กดเงินไม่เสียดอกเบี้ย สามารถสมัครผ่านทางออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

*อัตราดอกเบี้ย 19.8% - 25% ต่อปี, กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว, ดูเงื่อนไขได้ที่เว็บไซต์ยูเมะพลัส