
การมีหนี้สินทับถมเป็นสถานการณ์ที่ทำให้หลายคนเครียดและไม่รู้จะเดินหน้าอย่างไร เมื่อการผ่อนชำระกลายเป็นภาระหนักเกินกำลัง การปรับโครงสร้างหนี้จึงเป็นทางออกสำคัญที่อาจช่วยให้เราจัดการภาระหนี้สินได้อย่างเหมาะสม และมีโอกาสกลับมาตั้งหลักทางการเงินได้อีกครั้ง
การปรับโครงสร้างหนี้ คืออะไร
การปรับโครงสร้างหนี้ คือ กระบวนการเจรจากับสถาบันการเงินหรือเจ้าหนี้เพื่อเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการชำระหนี้ให้เหมาะสมกับความสามารถในการชำระของลูกหนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยให้ลูกหนี้สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนดโดยไม่เกิดการผิดนัดชำระ การปรับโครงสร้างหนี้มีหลายรูปแบบ เช่น การขยายระยะเวลาชำระหนี้ การลดอัตราดอกเบี้ย การพักชำระเงินต้นชั่วคราว หรือการเปลี่ยนประเภทหนี้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละสถาบันการเงินและสถานะทางการเงินของลูกหนี้
ปรับโครงสร้างหนี้ เสียประวัติไหม
การปรับโครงสร้างหนี้โดยตัวมันเองไม่ได้ทำให้เสียประวัติการชำระหนี้ แต่จะมีการบันทึกในประวัติเครดิตว่ามีการปรับโครงสร้างหนี้เกิดขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อการพิจารณาสินเชื่อในอนาคต แต่ผลกระทบจะน้อยกว่าการผิดนัดชำระหนี้แน่นอน สำหรับคำถามที่ว่าปรับโครงสร้างหนี้ ติดบูโรกี่ปี คำตอบคือข้อมูลการปรับโครงสร้างหนี้จะถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูลเครดิตบูโรประมาณ 3 ปี ผลเสียของการปรับโครงสร้างหนี้อาจรวมถึงการถูกลดวงเงิน การไม่ได้รับอนุมัติสินเชื่อใหม่ในระยะเวลาหนึ่ง หรือการได้รับอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นในการขอสินเชื่อครั้งต่อไป
ตัวอย่างการปรับโครงสร้างหนี้
ตัวอย่างการปรับโครงสร้างหนี้มีหลากหลายรูปแบบที่สามารถปรับให้เหมาะกับสถานการณ์ทางการเงินของแต่ละคน แต่ละวิธีมีข้อดีและข้อควรระวังแตกต่างกันไป การเลือกวิธีที่เหมาะสมจึงต้องพิจารณาจากปัจจัยหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นประเภทของหนี้ ความสามารถในการชำระ และเป้าหมายทางการเงินในระยะยาว ต่อไปนี้คือตัวอย่างการปรับโครงสร้างหนี้รูปแบบต่าง ๆ
เปลี่ยนประเภทหนี้
การเปลี่ยนประเภทหนี้เป็นวิธีหนึ่งในการปรับโครงสร้างหนี้ที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการเปลี่ยนจากหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงไปสู่หนี้ที่มีดอกเบี้ยต่ำกว่า เช่น การเปลี่ยนจากหนี้บัตรเครดิตหรือสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีดอกเบี้ยสูงเป็นสินเชื่อที่มีหลักประกัน เช่น สินเชื่อบ้านที่อาจมีดอกเบี้ยเพียง 4-7% ต่อปี เป็นต้น การเปลี่ยนประเภทหนี้นี้จะช่วยลดภาระดอกเบี้ยได้อย่างมาก ทำให้เงินที่ชำระในแต่ละงวดถูกนำไปตัดเงินต้นได้มากขึ้น ส่งผลให้หนี้ลดลงเร็วขึ้น
ใช้เงินก้อนปิดบัญชี
การใช้เงินก้อนปิดบัญชีเป็นการนำเงินจำนวนหนึ่งไปเจรจากับเจ้าหนี้เพื่อขอส่วนลดในการปิดบัญชีทั้งหมดในคราวเดียว โดยเฉพาะกับหนี้ที่ค้างชำระมานาน หรือหนี้ที่อยู่ในกระบวนการติดตามทวงถาม เจ้าหนี้มักยินดีรับเงินก้อนที่น้อยกว่ายอดหนี้จริงแต่ได้รับชำระทันที มากกว่าการรอรับชำระแบบทยอยที่มีความไม่แน่นอน การเจรจาด้วยวิธีนี้อาจได้ส่วนลดถึง 30-70% ของยอดหนี้ทั้งหมด ขึ้นอยู่กับอายุของหนี้และนโยบายของแต่ละสถาบันการเงิน
รีไฟแนนซ์
การรีไฟแนนซ์เป็นการนำสินเชื่อใหม่ที่มีเงื่อนไขดีกว่ามาชำระหนี้เดิมที่มีภาระหนัก วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีหนี้หลายก้อนและต้องการรวมหนี้ให้เหลือเพียงแห่งเดียว หรือต้องการเปลี่ยนไปใช้บริการสถาบันการเงินที่ให้อัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า ข้อดีของการรีไฟแนนซ์คือช่วยลดความซับซ้อนในการจัดการหนี้หลายแห่ง อาจได้อัตราดอกเบี้ยที่ถูกลง และบางครั้งอาจขยายระยะเวลาผ่อนชำระให้นานขึ้นทำให้ภาระผ่อนต่อเดือนลดลง แต่ต้องระวังค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ
ขอลดดอกเบี้ย
การขอลดอัตราดอกเบี้ยเป็นวิธีการปรับโครงสร้างหนี้ที่ตรงไปตรงมาและมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับผู้ที่มีประวัติการชำระดี หรือเป็นลูกค้าเก่าของสถาบันการเงิน การลดอัตราดอกเบี้ยแม้เพียงเล็กน้อยก็สามารถลดภาระหนี้ในระยะยาวได้มาก โดยเฉพาะกับหนี้ก้อนใหญ่ที่มีระยะเวลาผ่อนชำระนาน ตัวอย่างเช่น หนี้บ้าน 3 ล้านบาท ระยะเวลาผ่อน 30 ปี หากสามารถลดดอกเบี้ยได้เพียง 0.5% ต่อปี จะช่วยประหยัดดอกเบี้ยไปได้นับแสนบาทตลอดอายุสัญญา
พักชำระเงินต้น
การพักชำระเงินต้นเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่กำลังประสบปัญหาทางการเงินชั่วคราว เช่น ตกงาน เจ็บป่วย หรือประสบภัยธรรมชาติ โดยในช่วงเวลาพักชำระเงินต้น ลูกหนี้จะชำระเฉพาะส่วนของดอกเบี้ยเท่านั้น ทำให้ภาระการผ่อนลดลงอย่างมาก วิธีนี้ช่วยให้ลูกหนี้มีเวลาฟื้นฟูสถานะทางการเงิน โดยไม่ต้องกังวลกับการผิดนัดชำระและไม่เสียประวัติเครดิต อย่างไรก็ตาม การพักชำระเงินต้นมักมีระยะเวลาจำกัด เช่น 6 เดือนถึง 1 ปี และจะทำให้ระยะเวลาการชำระหนี้ยาวนานขึ้น
ขยายเวลาชำระหนี้
การขยายระยะเวลาชำระหนี้เป็นวิธีลดภาระการผ่อนชำระต่อเดือนที่ได้ผลทันที โดยนำหนี้ที่เหลืออยู่มากระจายการชำระให้ยาวนานขึ้น ตัวอย่างเช่น หนี้ที่เหลือระยะเวลาผ่อนอีก 5 ปี อาจขยายเป็น 7-10 ปี ทำให้ยอดผ่อนต่อเดือนลดลง วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีรายได้ไม่เพียงพอต่อการผ่อนชำระในอัตราปัจจุบัน แต่มีรายได้ประจำที่มั่นคง ข้อควรระวังคือการขยายระยะเวลาชำระหนี้จะทำให้ต้องจ่ายดอกเบี้ยรวมมากขึ้น และอาจต้องชำระค่าธรรมเนียมในการดำเนินการ
โครงการ "หนี้ปรับได้"
โครงการปรับโครงสร้างหนี้ "หนี้ปรับได้" เป็นโครงการที่จัดตั้งขึ้นโดยสถาบันการเงินร่วมกับภาครัฐ เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่ประสบปัญหาทางการเงิน โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว โครงการนี้มีความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับเงื่อนไขได้ตามความเหมาะสมของลูกหนี้แต่ละราย โดยมีรายละเอียดดังนี้
- ก่อนเป็นหนี้เสียอย่างน้อย 1 ครั้ง เมื่อเริ่มมีสัญญาณว่าลูกหนี้กำลังมีปัญหา เพื่อป้องกันหนี้เสีย
- หลังเป็นหนี้เสียอย่างน้อย 1 ครั้ง ก่อนเจ้าหนี้ฟ้องโอนขาย ยึดทรัพย์
- ห้ามโอนขายในช่วง 60 วัน* หลังเสนอแผนปรับโครงสร้างหนี้
- สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ 0 2695 0000
*กรณีเช่าซื้อหรือลีสซิ่ง ห้ามบอกเลิกสัญญาหรือขายทรัพย์ในช่วง 15 วัน หลังเสนอแผนฯ
การปรับปรุงโครงสร้างหนี้เป็นทางออกสำคัญสำหรับผู้ที่กำลังเผชิญปัญหาหนี้สิน ไม่ว่าจะเป็นการรีไฟแนนซ์ การขอลดดอกเบี้ย หรือการขยายระยะเวลาชำระหนี้ สิ่งสำคัญคือต้องประเมินสถานะทางการเงินอย่างตรงไปตรงมาและเลือกวิธีที่เหมาะสมกับตนเอง ที่สำคัญ ควรติดต่อเจ้าหนี้ทันทีที่เริ่มมีปัญหา ไม่ควรรอจนผิดนัดชำระ หรือขอปรับโครงสร้างหนี้เมื่อสถานการณ์แย่เกินไป