การวางแผนการเงินเพื่อซื้อบ้านสำหรับคู่รักในยุคปัจจุบันไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อีกต่อไป เมื่อคู่รักมีความสัมพันธ์ที่มั่นคงและต้องการสร้างอนาคตร่วมกัน การกู้บ้านร่วมกับแฟนมักเป็นทางเลือกแรกที่หลายคู่นึกถึง เพื่อวางรากฐานที่มั่นคงในการอยู่อาศัยหรือเป็นเรือนหอในอนาคต สำหรับคู่รักที่กำลังวางแผนการกู้ร่วมซื้อบ้านแต่ยังไม่ทราบว่าจะต้องเตรียมตัวอย่างไร โดยเฉพาะคู่ที่คบหาดูใจกันมานานแต่ยังไม่ได้แต่งงาน หรือแต่งงานแล้วแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส จะสามารถกู้ร่วมกันได้หรือไม่ บทความนี้จะมีคำตอบที่ชัดเจนมาบอก
กู้บ้านร่วมกับแฟนมีเงื่อนไขอย่างไรบ้าง?
การกู้บ้านร่วมกับแฟนเป็นเป้าหมายสำคัญในชีวิตของหลายคู่ เพราะการกู้ร่วมจะทำให้สถาบันการเงินมั่นใจว่าผู้ร่วมรับภาระหนี้มีความสามารถทางการเงินเพียงพอที่จะชำระเงินต้นและดอกเบี้ยคืนได้ตามกำหนด การกู้ร่วมซื้อบ้านจึงทำให้ได้รับการอนุมัติสินเชื่อง่ายขึ้น โดยจะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขการกู้ดังนี้
- ผู้ขอสินเชื่อต้องมีอายุ 20 ปีขึ้นไป โดยสามารถเลือกระยะเวลาผ่อนชำระได้สูงสุด 40 ปี แต่เมื่อนำอายุของผู้กู้รวมกับระยะเวลาผ่อนชำระแล้วต้องไม่เกิน 70 ปี
- เป็นคู่รักที่จดทะเบียนสมรสร่วมกันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
- กรณีไม่ได้จดทะเบียนสมรสแต่มีหลักฐานยืนยันการแต่งงานที่ชัดเจน
- กรณีไม่ได้จดทะเบียนสมรสแต่มีบุตรร่วมกัน พร้อมหนังสือรับรองบุตรเป็นหลักฐาน
- คุณสมบัติผู้กู้ร่วมซื้อบ้านต้องมีรายได้ประจำที่เพียงพอต่อการผ่อนชำระตามที่ธนาคารกำหนด
ซึ่งหมายความว่าผู้ที่เป็นแฟนกันโดยไม่มีหลักฐานยืนยันความสัมพันธ์ที่ชัดเจน โอกาสในการขอกู้ร่วมซื้อบ้านจะผ่านได้ยากขึ้นนั่นเอง
เอกสารที่ต้องใช้ในการกู้ร่วมซื้อบ้านกับแฟน
การเตรียมเอกสารสำหรับการกู้ซื้อบ้านร่วมกันเป็นขั้นตอนสำคัญที่ต้องทำความเข้าใจให้ถูกต้อง เพื่อให้กระบวนการยื่นขอสินเชื่อเป็นไปอย่างราบรื่นและได้รับการอนุมัติตามที่ต้องการ เอกสารที่จำเป็นจะแบ่งออกเป็นหลายประเภทดังนี้
เอกสารข้อมูลส่วนตัว
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน บัตรข้าราชการ หรือพนักงานรัฐวิสาหกิจของทั้งสองฝ่าย พร้อมลงลายมือชื่อรับรอง
- สำเนาทะเบียนบ้านของทั้งสองฝ่าย พร้อมลงลายมือชื่อรับรอง
- สำเนาเอกสารแสดงการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล (หากมีการเปลี่ยนแปลง)
เอกสารยืนยันสถานะคู่สมรส
- กรณีจดทะเบียนสมรส ใช้เพียงสำเนาทะเบียนสมรส พร้อมลงลายมือชื่อรับรอง
- กรณีไม่ได้จดทะเบียนสมรส สามารถกู้ร่วมซื้อบ้านได้ด้วยการเตรียมหลักฐานหรือเอกสารที่สามารถยืนยันความสัมพันธ์ได้ เช่น ภาพถ่ายงานแต่งงานหรือการ์ดเชิญงานแต่งงาน สำเนาทะเบียนบ้านที่แสดงชื่อของทั้งคู่ พิสูจน์ว่าปัจจุบันอยู่ร่วมกันฉันสามีภรรยา ใบลงบันทึกประจำวันจากสถานีตำรวจ ที่ระบุว่าอยู่ร่วมกันฉันสามีภรรยาแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส และใบสูติบัตรของบุตรหรือหนังสือรับรองบุตรร่วมกัน
เอกสารแสดงรายได้
- สลิปเงินเดือนหรือใบรับรองเงินเดือนย้อนหลัง 3-6 เดือน
- หนังสือรับรองการทำงานและเงินเดือนจากนายจ้าง
- Statement เงินฝากย้อนหลัง 6-12 เดือน
- สำเนาใบแจ้งภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับผู้ประกอบธุรกิจส่วนตัว
- หนังสือรับรองรายได้จากสำนักงานบัญชี สำหรับผู้ประกอบธุรกิจส่วนตัว
- เอกสารแสดงรายได้อื่น ๆ (หากมี) เช่น รายได้จากการลงทุน ค่าเช่า
ข้อดีและข้อเสียในการกู้ร่วมซื้อบ้าน
การตัดสินใจกู้ร่วมซื้อบ้านเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะจะส่งผลต่อความสัมพันธ์และฐานะการเงินของทั้งสองฝ่ายในระยะยาว การทำความเข้าใจข้อดีและข้อเสียจะช่วยให้ตัดสินใจได้อย่างเหมาะสม
ข้อดีในการกู้ร่วม
- เพิ่มโอกาสในการอนุมัติสินเชื่อเนื่องจากมีผู้ร่วมรับภาระหนี้
- สามารถขอวงเงินกู้ได้มากขึ้นเมื่อรวมรายได้ของทั้งสองฝ่าย
- ช่วยกระจายความเสี่ยงในการผ่อนชำระให้กับทั้งสองฝ่าย
- สามารถเลือกระยะเวลาผ่อนชำระได้ยาวนานขึ้น ทำให้ยอดผ่อนต่อเดือนต่ำลง
- เพิ่มความน่าเชื่อถือในสายตาของสถาบันการเงิน
- สามารถแบ่งภาระค่าใช้จ่ายในการซื้อบ้าน เช่น เงินดาวน์ ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ
ข้อเสียในการกู้ร่วม
- ทั้งสองฝ่ายมีภาระผูกพันทางกฎหมายร่วมกันตลอดระยะเวลาสินเชื่อ
- หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งผิดนัดชำระ จะส่งผลกระทบต่อประวัติเครดิตของทั้งคู่
- การตัดสินใจเกี่ยวกับทรัพย์สินต้องได้รับความยินยอมจากทั้งสองฝ่าย
- หากมีปัญหาความสัมพันธ์ การแก้ไขปัญหาจะซับซ้อนกว่าการกู้คนเดียว
- ต้องแบ่งกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน ไม่สามารถครอบครองแต่เพียงผู้เดียวได้
- อาจมีข้อจำกัดในการขายหรือโอนทรัพย์สินในอนาคต
กู้บ้านร่วมกับแฟน แล้วเลิกกันในขณะที่ยังผ่อนบ้านไม่หมด ควรทำอย่างไร?
เพราะความสัมพันธ์เป็นเรื่องคาดเดาได้ยาก วันนี้อาจรักกัน วันข้างหน้าอาจจะเลิกรากันก็เป็นได้ ดังนั้น หากมีปัญหาที่ต้องแยกทางกัน สามารถแก้ไขปัญหาได้หลายวิธี ดังนี้
กรณีที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส
หากไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน ทั้งสองฝ่ายต้องทำข้อตกลงร่วมกันเองก่อนว่าต้องการให้ใครเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ต่อ จากนั้นค่อยติดต่อธนาคารเพื่อแจ้งถอนรายชื่อผู้กู้ร่วมออก โดยแจ้งเป็นกรณีหย่าร้างกันแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ซึ่งธนาคารจะประเมินความสามารถของผู้ที่ต้องการถือกรรมสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวว่า สามารถผ่อนชำระคนเดียวไหวหรือไม่ หากประเมินแล้วไม่ผ่าน จะต้องหาชื่อผู้กู้ร่วมคนอื่น ที่มีความสัมพันธ์เป็นเครือญาติกับผู้กู้เท่านั้นเข้ามาเป็นผู้กู้ร่วมด้วย ส่วนจำนวนเงินที่ผ่อนร่วมกันมากับอดีตคนรัก จะต้องไปตกลงร่วมกันเองว่าจะแบ่งคืนหรือไม่คืน
กรณีที่จดทะเบียนสมรส
หากจดทะเบียนสมรสกันแล้วเลิกรากัน ให้ตกลงกันให้เรียบร้อยว่าบ้านจะเป็นของใคร ใครจะเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ จากนั้นให้ทำสัญญาจะซื้อจะขาย แล้วจดทะเบียนหย่าให้เรียบร้อย จากนั้นนำใบหย่าพร้อมสัญญาจะซื้อจะขาย ไปขอถอนชื่ออีกฝ่ายออกจากสัญญากู้ร่วมที่กู้ไว้กับธนาคาร ซึ่งธนาคารจะเปลี่ยนแปลงรูปแบบสินเชื่อที่อยู่อาศัย และให้ทำสัญญาเงินกู้ใหม่กับผู้ที่ต้องการผ่อนต่อ และเมื่อขอวงเงินกู้บ้านฉบับใหม่ได้แล้ว ทางธนาคารจะนำเงินส่วนหนึ่งจ่ายให้กับอดีตคู่สมรสด้วย
รีไฟแนนซ์จากกู้ร่วมเป็นกู้คนเดียว
การรีไฟแนนซ์จากกู้ร่วมเป็นกู้คนเดียว เหมาะสำหรับผู้ที่ยื่นถอนรายชื่อผู้กู้ร่วมไม่ผ่าน เพราะธนาคารประเมินแล้วว่า ผู้ที่จะถือกรรมสิทธิ์ผู้เดียวนั้นไม่มีความสามารถในการผ่อนชำระบ้านคนเดียวได้ ดังนั้น การรีไฟแนนซ์ไปธนาคารอื่น เพื่อทำเรื่องขอยื่นกู้ซื้อบ้านคนเดียว จึงเป็นอีกหนึ่งทางออก ทั้งนี้ ธนาคารที่เราขอรีไฟแนนซ์จะเป็นผู้ประเมินความสามารถในการชำระหนี้อีกครั้ง โดยพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ ประกอบด้วย เช่น รายได้ของผู้กู้ ยอดดาวน์ที่กู้ซื้อบ้าน ภาระหนี้ต่อเดือนของผู้ยื่นกู้ ประวัติเครดิตบูโร เป็นต้น
ประกาศขายบ้าน
หากตกลงกันแล้วว่าไม่มีใครต้องการครอบครองกรรมสิทธิ์บ้าน การขายบ้านคือทางออกที่ดีที่สุด ซึ่งต้องมีการยินยอมขายจากทั้งสองฝ่าย โดยก่อนประกาศขายจะต้องทำการตรวจสอบสภาพบ้านและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ก่อนขายด้วย เช่น ค่าธรรมเนียมการโอน ค่าอากรแสตมป์ ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย เป็นต้น
การกู้เงินซื้อบ้านสักหลังกับธนาคาร ไม่ว่าจะกู้ซื้อคนเดียว หรือกู้บ้านร่วมกับแฟน จำเป็นต้องวางแผนการเงินให้ดี และมองอนาคตให้ไกล ที่สำคัญคือต้องมีแผนสำรองทางการเงิน ซึ่งการมีบัตรกดเงินสดหรือบัตรสินเชื่อเงินสดติดตัวไว้ เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะช่วยสร้างความอุ่นใจให้กับคุณ และคนรักยามที่จำเป็นต้องใช้เงินสดอย่างเร่งด่วน โดยที่เราไม่ต้องเสี่ยงกับการกู้เงินนอกระบบ โดยเราขอแนะนำบัตรกดเงินสดยูเมะพลัสที่จะช่วยให้คุณใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น เพราะสามารถกดเงินสดได้ตลอด 24 ชั่วโมง สามารถเลือกจ่ายคืนได้อย่างอิสระ ใช้น้อยก็กดน้อย แค่ 100 บาท ก็สามารถกดได้ หรือหากสมัครไว้แล้วไม่ได้ใช้ก็ไม่เกิดค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น นับว่าเป็นอีกหนึ่งแผนสำรองด้านการเงินที่ควรค่าแก่การมีติดตัวไว้สักใบจริง ๆ
*อัตราดอกเบี้ย 19.8% - 25% ต่อปี, กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว, ดูเงื่อนไขได้ที่เว็บไซต์ยูเมะพลัส
25/10/2025