‘บัตรผ่อน’ อีกหนึ่งบัตรทางการเงินที่มีติดกระเป๋ากัน จึงไม่แปลกที่หลายคนมักจะสมัครบัตรผ่อนสินค้า เพื่อเอาไว้ช่วยแบ่งเบาภาระผ่อนสิ่งของที่ต้องการ 
หากคุณกำลังมองหาบัตรผ่อนสินค้าสักใบ แต่ยังตัดสินใจไม่ได้ เพราะบัตรนั้นก็ดี บัตรนี้ก็โดนใจ ลองมาดูกันว่าจะเลือกบัตรผ่อนสินค้าอย่างไร ให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การช้อปของตัวเองมากที่สุด รวมทั้งใช้งานได้อย่างคุ้มค่า
บัตรผ่อนสินค้าคืออะไร 
บัตรผ่อนสินค้า ถือเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินอีกประเภทที่ได้รับความนิยมไม่น้อย โดยบัตรดังกล่าวจะมีจำนวนวงเงินที่สถาบันการเงินอนุมัติให้ ผู้ถือบัตรผ่อนสินค้าสามารถนำมาใช้ชำระสินค้าของแบรนด์หรือร้านค้าที่เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับบัตรนั้นๆ ได้ ทั้งนี้การใช้จ่ายด้วยบัตรนี้มักเน้นใช้ผ่อนสินค้าเป็นหลัก ซึ่งบัตรผ่อนสินค้าบางสถาบันการเงินก็สามารถนำมากดเงินสดได้เช่นกันเดียว ได้แก่ บัตรกดเงินสดยูเมะพลัส  
เลือกบัตรผ่อนแบบไหนที่ใช่เรา
ต้องยอมรับว่าสถาบันการเงินหลายแห่งเปิดให้สมัครบัตรผ่อนสินค้าหรือบัตรเครดิตในปัจจุบันมากมาย นี่เองที่ทำให้เรามีตัวเลือกผลิตภัณฑ์ทางการเงินประเภทนี้พอสมควร ถึงอย่างนั้น การเลือกบัตรผ่อนสินค้าให้ตอบโจทย์ผู้ใช้งานก็สำคัญไม่น้อย หากยังไม่รู้ว่าจะเลือกบัตรผ่อนสินค้าอย่างไร ลองมาดูแนวทางต่อไปนี้ประกอบการตัดสินใจก่อนสมัครบัตรผ่อนกัน
1. เน้นตามความต้องการใช้งาน 
สิ่งแรกที่ควรคำนึงถึงก่อนสมัครบัตรผ่อนสินค้านั้น ก็คือ ‘เราต้องการใช้บัตรผ่อนสินค้าไปทำไม’ เพื่อช่วยให้เราพิจารณาสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับและตัดสินใจเลือกได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสะดวกจากการใช้บัตรผ่อนสินค้า โปรโมชั่นที่ผู้ใช้อย่างเรารู้สึกว่าได้ใช้งานบัตรผ่อนอย่างคุ้มค่า หรือแม้แต่พิจารณาว่าบัตรผ่อนสินค้านั้นมีวัตถุประสงค์สำหรับการใช้งานเฉพาะหรือไม่
 
2. ดูฐานเงินเดือนประกอบ 
อีกหนึ่งวิธีเลือกสมัครบัตรผ่อนสินค้าให้ผ่านได้ง่ายๆ ก็คือดูฐานเงินเดือนของการยื่นสมัคร โดยดูว่าบัตรไหนบ้างที่กำหนดคุณสมบัติเกี่ยวกับฐานเงินเดือนไม่สูง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมักกำหนดฐานเงินเดือนขั้นต่ำไม่มากเกินไป โดยผู้ยื่นเรื่องสมัครบัตรผ่อนสินค้าจะได้รับอนุมัติวงเงินตามเห็นสมควร
3. พิจารณาโปรโมชั่นผ่อน 0%
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีแบรนด์ที่ชอบหรือชอบใช้บริการร้านค้าประจำอยู่แล้ว ก็ช่วยให้เลือกสมัครบัตรผ่อนสินค้าได้ง่ายขึ้น เพราะปัจจุบันสถาบันการเงินมักออกผลิตภัณฑ์บัตรเครดิตหรือบัตรผ่อนที่ร่วมเป็นพันธมิตรกับแบรนด์และร้านค้าชั้นนำต่างๆ พร้อมจัดโปรโมชั่นผ่อน 0% ซึ่งช่วยให้ใช้จ่ายได้อย่างคุ้มค่ายิ่งขึ้น 
ทั้งนี้ ต้องพิจารณาด้วยว่าบัตรแต่ละตัวนั้นมีระยะเวลาผ่อนโปรฯ 0% กี่เดือน เพราะยิ่งมีระยะเวลาผ่อนนานเท่าไหร่ ก็จะช่วยแบ่งเบาภาระการผ่อนในแต่ละเดือนของเราให้เบาลงได้ด้วย
ใช้บัตรผ่อนสินค้าอย่างไร มีแต่ได้กับได้
เมื่อมีบัตรผ่อนสินค้าแล้ว ก็หมายถึงเรามีภาระหนี้ที่ต้องรับผิดชอบ ถึงอย่างนั้น หากรู้จักใช้บัตรผ่อนสินค้าให้เป็น ก็จะได้ใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่าและไม่สร้างปัญหาให้หนักกระเป๋าตัวเองภายหลังด้วย มาดูกันว่าจะใช้บัตรผ่อนให้มีแต่ได้กับได้ ต้องจ่ายเงินอย่างไร และควรดูเรื่องอะไรบ้าง 
1. จ่ายเต็มจำนวนทุกครั้ง
เพราะการชำระคืนแบบขั้นต่ำ เราจะต้องเสีย ‘ดอกเบี้ย’ เพิ่มด้วยทำให้เราต้องแบกภาระหนี้และจ่ายเงินเพิ่มมากกว่าเดิม ยิ่งจ่ายคืนขั้นต่ำเป็นประจำทุกงวด ดอกเบี้ยจะยิ่งเพิ่มทบต้นไปจนกลายเป็นหนี้ก้อนใหญ่ ที่สำคัญ หากเรารูดบัตรผ่อนซื้อสินค้าอื่นเพิ่ม โดยที่ยังค้างยอดหนี้เดิมอยู่ ก็จะทำให้การปิดหนี้ทำได้ยากขึ้น รวมทั้งอาจส่งผลให้ชำระไม่ทัน อันกระทบต่อเครดิตทางการเงินในอนาคต
วิธีป้องกันปัญหานี้ได้ดีที่สุดจึงควรรูดบัตรในวงเงินที่คิดว่าผ่อนได้และจ่ายเต็มจำนวนไหว ไม่เกินกำลังของเรามากเกินไป เพื่อที่จะได้ใช้งานบัตรผ่อนครั้งต่อไปได้อย่างคุ้มค่า และสบายทั้งใจและกระเป๋าเงินตัวเอง
2. จำกัดวงเงินผ่อนต่อรอบบิล
จริงอยู่ว่าบรรดาสถาบันการเงินมักอนุมัติวงเงินของบัตรผ่อนหรือบัตรเครดิตให้มากกว่ารายได้ประจำของผู้ใช้ ซึ่งมักอนุมัติมามากกว่า 1.5 ของรายได้แต่ละเดือน ถึงอย่างนั้น ก็จำเป็นต้องจำกัดวงเงินที่จะใช้ในแต่ละเดือนด้วย ไม่ควรรูดบัตรผ่อนเต็มวงเงินที่ได้รับ นั่นก็เพราะป้องกันไม่ให้การใช้เงินตึงมือเกินไป โดยที่ไม่เหลือเงินก้อนสำรอง 
ผู้ถือบัตรผ่อนจึงควรวางแผนทางการเงินให้รอบคอบ คำนวณวงเงินที่ได้และที่จะใช้ไป โดยเผื่อให้เหลือเงินสำรองในแต่ละเดือน เลี่ยงใช้เงินเต็มวงเงินบัตรที่ได้
3. จ่ายตรงทุกเดือน
นอกจากรู้จักวางแผนใช้จ่ายเผื่อเหลือเผื่อขาด และจ่ายคืนเต็มจำนวนแล้ว สิ่งสำคัญของการใช้บัตรผ่อนสินค้าที่ควรทำคือ จ่ายให้ตรงตามงวดชำระอย่างสม่ำเสมอ เพราะการจ่ายชำระหนี้ตามกำหนดหรือก่อนครบกำหนดวันชำระ จะช่วยให้ไม่ต้องเสียดอกเบี้ย รวมทั้งเป็นวิธีรักษาเครดิตทางการเงินของตัวเองให้น่าเชื่อถือ อันส่งผลต่อการยื่นกู้หรือขอสินเชื่อสำหรับสิ่งอื่นๆ ในอนาคต 
4. ทำความเข้าใจใบแจ้งหนี้
อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรละเลยคือ อ่านและทำความเข้าใจรายละเอียดในใบแจ้งหนี้ให้ถี่ถ้วน โดยพิจารณาข้อมูลต่อไปนี้
● วันที่สรุปยอด
● วันครบกำหนดชำระ
● ดอกเบี้ย (ดูว่าเพิ่มขึ้นหรือไม่)
เรื่องนี้ถือว่าสำคัญ เพราะจะช่วยให้เราวางแผนการใช้จ่ายชำระหนี้คืนได้อย่างเป็นระบบ โดยไม่ผิดนัดชำระ ทั้งนี้ ปัจจุบันสามารถตรวจสอบยอดเงินชำระได้เรียลไทม์ ผ่านช่องทางออนไลน์อย่างแอปพลิเคชันของสถาบันการเงินนั้นๆ 
5. รู้จักใช้สิทธิประโยชน์ของบัตร
ความคุ้มค่าจากการใช้งานบัตรผ่อนสินค้าก็คือ ได้รับสิทธิพิเศษที่บัตรผ่อนสินค้ามอบให้ได้อย่างเต็มที่และคุ้มค่า ซึ่งตอบโจทย์ว่าทำไมเราถึงต้องเลือกสมัครบัตรผ่อนสินค้าที่เข้ากับไลฟ์สไตล์และวัตถุประสงค์การใช้งานของตัวเอง เพราะบัตรผ่อนสินค้าแต่ละแบบจะมอบสิทธิประโยชน์ให้ผู้ถือบัตรแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นเครดิตเงินคืนหรือ cashback โปรฯ ผ่อน 0% หรือร่วมกับแบรนด์และร้านค้า ใช้แต้มสะสมต่างๆ เป็นต้น