
ในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว การพัฒนาทักษะเฉพาะทางหรือ Technical Skill กลายเป็นสิ่งจำเป็นและสร้างความตื่นตัวในสังคมปัจจุบันมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการนำทักษะเฉพาะทางไปใช้ในอาชีพการงาน การเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ ที่นอกเหนือจากทักษะพื้นฐานจะช่วยเพิ่มโอกาสและความก้าวหน้าในสายอาชีพได้
อีกทั้งสำหรับใครที่อยากก้าวเข้าสู่สายอาชีพใหม่ซึ่งต้องใช้ Technical Skill โดยตรง ก็ควรที่จะเติมทักษะและเรียนรู้ให้เข้าใจอย่างแท้จริงก่อน วันนี้เราจะมาแนะนำ 5 ทักษะเฉพาะทางยอดนิยม พร้อมแนะนำคอร์สเรียนและข้อดีของการพัฒนาทักษะเหล่านี้ ไปดูกันว่ามีทักษะด้านไหนบ้าง!
5 ทักษะเฉพาะทางมาแรง ตามทันก่อนยิ่งได้เปรียบ!
เหล่า Technical Skill ที่กำลังน่าจับตามองและเติบโตอย่างรวดเร็วทั้งในวงการธุรกิจและสายอาชีพ มี 5 ทักษะเฉพาะทาง ดังนี้
1. AI และ Machine Learning
เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Machine Learning เป็นทักษะที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในปัจจุบัน ทำให้องค์กรมักมีการประยุกต์ใช้ AI ในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต จัดการและวิเคราะห์ข้อมูล หรือแม้กระทั่งให้บริการลูกค้า ตัวอย่างเช่น AI ที่สามารถตอบสนองลูกค้าผ่านระบบแชต อย่าง Chatbot หรือ Virtual Assistant หรือการใช้ Machine Learning ในการคาดการณ์พฤติกรรมของผู้บริโภค
ทั้งนี้ ผู้ที่จะทำงานโดยใช้ทักษะนี้จะต้องมีทักษะย่อยเพิ่มเติม เช่น การเขียนโปรแกรม Python, การเขียน Coding, การเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning) หรือการเข้าใจ Natural Language Processing (NLP) ซึ่งเป็นทักษะที่เกี่ยวข้องกับการทำให้คอมพิวเตอร์เข้าใจและประมวลผลภาษาที่มนุษย์ใช้ เช่น การสั่งงานด้วยเสียง, แชตบอท, การแปลภาษาอัตโนมัติ ซึ่งมีความสำคัญในธุรกิจที่ต้องการใช้ AI เพื่อตอบสนองลูกค้าอย่างรวดเร็วและแม่นยำ
2. Cybersecurity
Cybersecurity หรือการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์มีความสำคัญเพิ่มขึ้นเนื่องจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทำให้ข้อมูลสำคัญถูกจัดเก็บและแลกเปลี่ยนผ่านระบบออนไลน์มากขึ้นเรื่อย ๆ การโจมตีทางไซเบอร์ เช่น การขโมยข้อมูลส่วนบุคคล การเจาะระบบ หรือการเรียกค่าไถ่ (Ransomware) กลายเป็นภัยคุกคามที่แพร่หลาย การปกป้องข้อมูลและระบบจากการโจมตีทางดิจิทัลกลายเป็นสิ่งสำคัญอันดับหนึ่งโดยเฉพาะกับธุรกิจขนาดใหญ่ ทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้าน Cybersecurity มีบทบาทในการออกแบบและบังคับใช้มาตรการเพื่อปกป้องระบบและข้อมูลจากการโจมตีทั้งภายในและภายนอก และเพื่อให้ระบบมีความปลอดภัยในระยะยาว
ทักษะเฉพาะทางด้านนี้ที่ควรมี เช่น การวิเคราะห์มัลแวร์ (Malware Analysis), การวิเคราะห์ความเสี่ยง (Risk Assessment) หรือการเข้ารหัสข้อมูล (Data Encryption) ซึ่งเป็นการป้องกันข้อมูลให้ปลอดภัยจากการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต
3. Data Analytics
หรือการวิเคราะห์ข้อมูล เป็นอีกหนึ่งทักษะที่มีความสำคัญเพิ่มขึ้นและมาแรงอันดับต้น ๆ ในยุคที่ข้อมูลคือขุมทรัพย์ ทำให้ความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ หรือ Big Data เพื่อหาข้อมูลเชิงลึกถูกนำมาใช้ในการตัดสินใจทางธุรกิจ องค์กรต่าง ๆ จึงมีความต้องการผู้ที่มีทักษะด้านนี้ เพราะการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก สามารถนำมาค้นหาแนวโน้มพฤติกรรมของผู้บริโภค โดยข้อมูลจะโชว์ให้เห็นตัวเลขที่ธุรกิจสามารถนำไปวิเคราะห์ Insight หรือต่อยอดได้ การเรียนรู้และเข้าใจวิธีการวิเคราะห์ข้อมูลที่ถูกต้องจึงเป็นทักษะที่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นการใช้ในสายงานการตลาด การเงิน การจัดการการผลิต หรือแม้กระทั่งการบริหารทรัพยากรบุคคล
ทักษะเพิ่มเติมที่น่าสนใจ เช่น ทักษะด้าน SQL, การวิเคราะห์สถิติ รวมถึงการใช้เครื่องมืออย่าง Tableau หรือ Power BI สำหรับการสร้างภาพข้อมูลเชิงลึกและ Dashboard
4. Cloud Computing
อีกหนึ่งทักษะที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้ นั่นคือ Cloud Computing ซึ่งก็คือการให้บริการการจัดเก็บข้อมูล การประมวลผล และทรัพยากรคอมพิวเตอร์ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต แทนที่จะจัดเก็บข้อมูลไว้ในเซิร์ฟเวอร์หรือเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนตัว ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงและใช้งานข้อมูลได้จากทุกที่ Cloud Computing ช่วยให้ธุรกิจประหยัดต้นทุนการดำเนินงาน เพราะไม่ต้องจัดการเซิร์ฟเวอร์เอง ผู้ที่มีทักษะด้านนี้จึงมีความสำคัญและเป็นที่ต้องการในปัจจุบัน
ทักษะที่ผู้ทำงานสายนี้ควรมี มักเป็นทักษะในการใช้งานและจัดการคลาวด์ เช่น การจัดการบริการคลาวด์ (Cloud Service Management) เช่น AWS, Google Cloud หรือ Microsoft Azure, การจัดการการใช้งานและค่าใช้จ่าย รวมไปถึงการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลบนระบบคลาวด์ หรือ Cloud Security
5. UX/UI Design
Technical Skill ที่ฮิตมาสักระยะ ต้องยกให้ UX (User Experience) และ UI (User Interface) Design ซึ่งเป็นทักษะที่เน้นการสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้งาน โดย UX Designer จะเน้นในเรื่องของการวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้งานเพื่อสร้างการออกแบบที่ตรงกับความต้องการ และ UI Designer จะเน้นการออกแบบหน้าตาและ Interface ให้สะดวกและมีความ User-Friendly ตัวอย่างเช่น การออกแบบแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ให้มีการตอบสนองที่รวดเร็วและใช้งานง่าย เพื่อให้ Users ใช้งานได้อย่างราบรื่น รู้สึกสนุกกับการใช้งาน ปัจจุบันแทบจะทุกวงการธุรกิจหันมาให้ความสำคัญกับด้านนี้ เพราะการสร้างประสบการณ์ผู้ใช้งานที่ดีเป็นหัวใจของการดึงดูดลูกค้าและรักษาฐานลูกค้าให้ยั่งยืน
ทักษะที่แนะนำให้มีหากต้องการก้าวสู่อาชีพสายนี้ เช่น การใช้เครื่องมือออกแบบ เช่น Figma หรือ Adobe XD ในการสร้างต้นแบบและปรับแต่งการออกแบบ, การทำ Wireframing หรือ การสร้างโครงร่างของ Interface เพื่อวางแผนการออกแบบ, การทำ Prototyping ซึ่งก็คือการสร้างต้นแบบที่ใช้งานได้เพื่อทดสอบการออกแบบนั่นเอง
แนะนำคอร์สเรียนปริญญาโทและคอร์สระยะสั้น สำหรับสาย Technical Skill ทั้ง 5 สาย!
ทราบถึงลักษณะของ 5 ทักษะมาแรงกันไปแล้ว หากใครอยากเริ่มเรียน Technical Skill ด้านที่ตนเองสนใจ ในไทยเองก็มีหลักสูตรปริญญาโทและคอร์สระยะสั้นที่น่าลองเรียนอยู่มากมาย แม้บางหลักสูตรจะไม่ใช่สายตรงอย่างต่างประเทศ แต่ก็มีประโยชน์อย่างมาก แบ่งได้ทั้งหลักสูตรเรียนฟรีและเสียค่าใช้จ่าย ดังนี้
1. สาย AI และ Machine Learning
- ปริญญาโท
เริ่มด้วยหลักสูตรวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ (หลักสูตรปรับปรุง เริ่มตั้งแต่ ปีการศึกษา 2566) จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยเป็นหลักสูตรต่อยอดสำหรับผู้ที่เรียนจบปริญญาตรีในสาขาคอมพิวเตอร์โดยตรงหรือในสาขาที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์โดยตรงเพื่อเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน มีวิชาบังคับเลือกอย่าง วิชาปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) หรือการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างเข้มข้น
- คอร์สเรียนระยะสั้น
คอร์ส “AI For Everyone” จาก Coursera เป็นคอร์สเรียนฟรีที่มีเนื้อหาพื้นฐานเกี่ยวกับ AI รวมไปถึงวิธีการมองหาโอกาสในการนำ AI ไปประยุกต์ใช้กับปัญหาในองค์กร และการสร้าง AI Strategy คอร์สนี้ถือเป็นคอร์สยอดนิยมและเหมาะกับ Beginner อย่างไรก็ตาม หากผู้เรียนต้องการใบรับรอง (Certificate) เมื่อจบคอร์ส จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
2. สาย Cybersecurity
- ปริญญาโท
สายนี้ขอแนะนำ หลักสูตร ป.โท การจัดการความเสี่ยงความมั่นคงทางไซเบอร์ (Cybersecurity) ของคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ซึ่งประกอบไปด้วยเนื้อหาเกี่ยวกับ Information Security, Information Security Risk Management และ Cybersecurity Law จุดเด่นอีกอย่างของหลักสูตรนี้คือ เป็นหลักสูตรที่เปิดรับนักศึกษาทั้งภาคปกติและภาคพิเศษ โดยไม่จำกัดสาขาที่จบ ป.ตรี
- คอร์สเรียนระยะสั้น
คอร์สออนไลน์ “Cybersecurity” จาก FutureSkill ซึ่งผู้เรียนจะได้ทักษะด้านนี้หลายส่วน เช่น การเข้าใจหลักการพื้นฐานและหลักการของ Cybersecurity, รู้จักภัยคุกคาม Cyber, สามารถจัดการและปรับปรุงโปรแกรมความมั่นคงปลอดภัยในองค์กรได้ คอร์สนี้มีระยะเวลาเรียน 10 ชั่วโมง กับ 27 บทเรียน พร้อมทั้ง Workshop
3. สาย Data Analytics
- ปริญญาโท
หลักสูตรวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาสถิติและวิทยาการข้อมูล หรือ M.Sc. in Statistics and Data Science จากจุฬาฯ ซึ่งมีพาร์ตที่เรียนเกี่ยวกับทฤษฎีการเรียนรู้เชิงสถิติ การประยุกต์ใช้เทคนิคต่าง ๆ ในการจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ในบริบทที่หลากหลาย สามารถเลือกเรียนได้ทั้งแบบหลักสูตรเต็มเวลา (แผน ก – ตัวเลือกวิทยานิพนธ์) และหลักสูตรนอกเวลา (แผน ข – ตัวเลือกโครงการพิเศษ) ซึ่งหากต้องการสมัครเข้าเรียน ต้องศึกษาข้อกำหนดคุณสมบัติของผู้สมัครเรียนหรือหลักเกณฑ์อื่น ๆ เพิ่มเติม
- คอร์สเรียนระยะสั้น
อีกหนึ่งคอร์สเรียนฟรี จาก CHULA MOOC กับคอร์ส “Introduction to Data Analytics and Big Data” โดยคณาจารย์จากภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ซึ่งจะแบ่งเนื้อหาออกเป็น 2 ส่วน คือ Data Analytics และ Big Data โดยจะเรียนรู้วิธีการวิเคราะห์ข้อมูล, เทคนิคนำข้อมูลมาใช้งาน, แนะนำการทำ Workshop ด้วยโปรแกรม RapidMiner และอีกมากมาย คอร์สนี้จะมีการวัดผลและประเมินผลผ่านแบบทดสอบย่อย (Quiz) 50 คะแนน และแบบทดสอบหลังเรียน (Posttest) 50 คะแนน หากผู้เรียนทำคะแนนรวมทั้งหมดได้ร้อยละ 60 ขึ้นไป และเรียนจบภายในเวลาที่กำหนดจะสามารถขอรับ Certificate of Completion ได้ ถ้าสนใจคอร์สเรียนฟรีนี้ แนะนำให้ติดตามการเปิดลงทะเบียนตามรายวิชาที่หน้าเว็บไซต์ของ CHULA MOOC
4. Cloud Computing
- ปริญญาโท
หลักสูตรวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ จากมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เป็นหลักสูตร 2 ปี ที่เรียนวันอาทิตย์วันเดียว มีเนื้อหาทางด้านเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ทันสมัยและเป็นปัจจุบัน เช่น IoT, Cloud Computing, AWS ครอบคลุมถึง Cybersecurity และ Data Engineering หลักสูตรนี้เหมาะกับผู้ที่จบปริญญาตรี โดยมีคุณวุฒิทางด้านวิศวกรรมศาสตร์บัณฑิต หรืออุตสาหกรรมศาสตร์บัณฑิต หรือผู้ที่มีประสบการณ์ทำงานด้านระบบคอมพิวเตอร์ต่าง ๆ ระบบสื่อสารโทรคมนาคม สารสนเทศ หรือที่เกี่ยวข้องมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี ใครอยากพัฒนาทางอาชีพ ลองศึกษาข้อมูลหลักสูตรนี้ดูกันได้
- คอร์สเรียนระยะสั้น
คอร์สเรียนออนไลน์ “AWS: Cloud Essentials and Core Services” จาก Skooldio เป็นคอร์สที่สอนตั้งแต่การให้ผู้เรียนทำความรู้จักกับ AWS (Amazon Web Services), เรียนรู้พื้นฐานของ AWS Cloud Computing, เรียนรู้จากการลงมือทำจริงบน AWS Console, เรียนรู้ระบบการทำงาน Core Services EC2, S3, RDS และด้านอื่น ๆ ที่ค่อนข้างครอบคลุม ข้อดีของคอร์สนี้คือผู้สอนมีประสบการณ์จริง หากใครสนใจสามารถทดลองเรียนฟรีก่อนได้
5. สาย UX/UI Design
- ปริญญาโท
สาย UX/UI Design ขอแนะนำเป็นหลักสูตรวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต และศิลปมหาบัณฑิต สาขาวิชาการออกแบบและวางแผน (หลักสูตรนานาชาติ) จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) หรือหลักสูตรการออกแบบประสบการณ์ (UX/UI) ซึ่งมีวิชาเอกหัวข้อใหญ่ที่น่าสนใจ เช่น UX/UI User Experience/User Interface, Visual Communication, Design Management รวมถึงมีวิชาเลือกที่น่าเรียนอื่น ๆ อีก สำหรับสายนี้จะเป็นหลักสูตรเรียนเต็มเวลา 2 ปี
- คอร์สเรียนระยะสั้น
คอร์สปูพื้นฐาน จาก Skooldio อย่างคอร์ส “Getting started with UX/UI Design” ที่รวบรวมคอร์ส Intro to User Experience Design และ UI Fundamentals เอาไว้ด้วยกัน คอร์สนี้จะช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจ UX/UI ในหลาย ๆ ด้าน เช่น ลักษณะการทำงานของ UX/UI Designer และมุมมองต่าง ๆ ในบริบทของผู้ใช้งาน, สามารถออกแบบกระบวนการทำงาน เพื่อลดความเสี่ยงจากความผิดพลาดในการพัฒนา Digital Products, เข้าใจทฤษฎีการออกแบบ Application/Website เบื้องต้น รวมไปถึงประยุกต์ใช้หลักการออกแบบในงาน UI ได้ ข้อดีของคอร์สนี้ นอกจากเนื้อหาจะอัดแน่นแล้ว หากคุณซื้อคอร์สเรียนรายบุคคล ยังสามารถกลับมาเรียนซ้ำได้อีก เพราะเป็นคอร์สตลอดชีพอีกด้วย
หลักสูตร ป.โท และคอร์สระยะสั้นทั้ง 5 Technical Skills มีจุดเด่นและความน่าสนใจแตกต่างกัน หากคุณต้องการศึกษาต่อหรือเรียนคอร์สไหน แนะนำให้ศึกษารายละเอียดอย่างถี่ถ้วน เช็กกำหนดการณ์การรับสมัครหรือข้อกำหนดต่าง ๆ ของแต่ละสถาบันหรือบริษัทเพื่อจัดสรรเวลาเรียนให้สอดคล้องกับช่วงเวลาเปิดสอน และเตรียมตัวให้พร้อมไว้ก่อน หากมีการเปลี่ยนแปลงจะได้วางแผนต่อไปได้ พร้อมทั้งจัดการงบประมาณหรือเตรียมเงินสดให้เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ไว้เสมอ
ข้อดีและโอกาสที่จะได้รับจากการเพิ่ม Technical Skill ใหม่ ๆ!!
การลงทุนด้วยการพัฒนาทักษะใหม่ ๆ เป็นการลงทุนเพื่ออนาคตของตัวคุณเอง โดยอาจจะนำมาซึ่งโอกาสและความก้าวหน้าในอาชีพ พร้อมทั้งด้านอื่น ๆ ได้อีก โดยข้อดีและโอกาสที่จะได้รับจากการเพิ่ม Technical Skill ใหม่ ๆ มีดังนี้
1. เพิ่มโอกาสในการได้งานที่ดีขึ้น
การมีทักษะเฉพาะด้านที่เป็นที่ต้องการในตลาดแรงงาน จะทำให้คุณเป็นที่สนใจจากหลากหลายบริษัทมากขึ้น โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว เช่น AI, Cybersecurity หรือ Cloud Computing เป็นต้น
2. โอกาสในการเลื่อนตำแหน่งและเพิ่มเงินเดือน
การพัฒนาทักษะใหม่ ๆ แสดงให้เห็นถึงความกระตือรือร้นในการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่องค์กรมองหาสำหรับตำแหน่งที่สูงขึ้น หากคุณมีทักษะเฉพาะทาง ก็มีโอกาสที่จะนำไปสู่การเลื่อนตำแหน่งและได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสม
3. เปิดประตูสู่อาชีพใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ
การมี Technical Skill ใหม่ ๆ อาจนำไปสู่โอกาสในการเปลี่ยนสายอาชีพไปสู่เนื้องานที่น่าสนใจมากขึ้น หรือแม้แต่การเริ่มต้นธุรกิจของตัวเองในสายเทคโนโลยีเหล่านี้อีกด้วย
4. พัฒนาความคิดสร้างสรรค์และการแก้ปัญหา
การเรียนรู้ทักษะเฉพาะทางใหม่เพิ่มเติม ไม่เพียงแต่ให้ความรู้ แต่ยังช่วยพัฒนาทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์และการแก้ปัญหา ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในทุกด้านของชีวิตการทำงานได้ด้วย
5. สร้างเครือข่ายกับผู้เชี่ยวชาญในวงการ
การเข้าร่วมคอร์สเรียนหรือการฝึกอบรมเฉพาะทางเป็นโอกาสดีในการพบปะและสร้างความสัมพันธ์กับผู้เชี่ยวชาญและผู้ที่มีความสนใจในสายงานเดียวกัน ซึ่งอาจนำไปสู่โอกาสทางอาชีพในอนาคต
6. เพิ่มความมั่นใจในการทำงานและการนำเสนอผลงาน
เมื่อคุณมีความรู้และทักษะที่ทันสมัย คุณจะรู้สึกมั่นใจในการทำงานและการนำเสนอไอเดียใหม่ ๆ ในที่ทำงาน ซึ่งจะช่วยให้คุณโดดเด่นและได้รับการยอมรับมากกว่าเดิมได้
7. ปรับตัวได้ดีกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี
ในโลกที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ อยู่เสมอจะช่วยให้คุณสามารถปรับตัวได้ดีกับการเปลี่ยนแปลง และรักษาความเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมได้ในระยะยาว
8. ส่งผลดีต่อองค์กรและทีมงาน
การนำทักษะใหม่ ๆ มาประยุกต์ใช้ในการทำงานจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในองค์กร และช่วยให้บริษัทและทีมงานทำงานได้สะดวก เป็นผลดีต่อหลาย ๆ ฝ่าย
เติมทักษะต้องมีค่าใช้จ่าย วางแผนการเงินด้วยการให้บัตรกดเงินสดยูเมะพลัสเป็นตัวช่วย
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว คงจะเห็นตรงกันว่าการพัฒนาตนเองเป็นสิ่งที่สำคัญ แต่การสมัครเรียนคอร์สต่าง ๆ เพื่อเสริมสร้าง Technical Skill ทั้ง 5 สายนั้นย่อมมีค่าใช้จ่ายอย่างแน่นอน ดังนั้นหากคุณต้องการลงทุนในการพัฒนาทักษะของตนเอง แต่ยังมีข้อจำกัดทางการเงิน ให้บัตรกดเงินสดยูเมะพลัสช่วยคุณก้าวข้ามอุปสรรคนี้ ด้วยการเข้าถึงวงเงินสดที่สามารถใช้สำหรับค่าเล่าเรียนหรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเรียน ทำให้คุณสามารถเริ่มต้นสมัครเรียนได้ทันทีโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการเงิน
ด้วยสิทธิประโยชน์ของบัตรที่มีมากมาย อย่างการคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก ให้คุณเลือกจ่ายคืนได้อย่างอิสระ และพิเศษกับอัตราดอกเบี้ย 0% นาน 30 วัน* เพียงเป็นพนักงานมีรายได้ประจำตั้งแต่ 7,000 บาทขึ้นไปก็สมัครได้ อีกทั้งสมัครแล้วไม่ใช้ก็ไม่เกิดค่าใช้จ่ายใด ๆ อีกด้วย
สำหรับใครที่สนใจสมัครบัตรกดเงินสดยูเมะพลัส สามารถสมัครผ่านทางออนไลน์ได้ที่ > https://www.umayplus.com/cashcard/applyform ตลอด 24 ชั่วโมง
หมายเหตุ
*เพียงมียอดเบิกถอนเงินสดภายใน 30 วันหลังจากได้รับการอนุมัติ (เฉพาะยอดเบิกถอนภายในวันแรก สำหรับลูกค้าใหม่) หลังจบรายการส่งเสริมการขายอัตราดอกเบี้ยจะถูกปรับเป็นอัตราดอกเบี้ย 19.8% - 25% ต่อปี, กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว, ดูเงื่อนไขได้ที่เว็บไซต์ยูเมะพลัส