เมื่อเริ่มเข้าสู่โลกการทำงาน หนึ่งในเรื่องที่  First Jobber หรือแม้แต่คนทำงานมานานแล้วต้องหยิบยกขึ้นมาพูดไม่ขาดก็คือ ‘วิธีเก็บเงิน’ จะเก็บเงินอย่างไรให้เหมาะสมกับรายรับรายจ่ายที่มี รวมทั้งแนวทางการใช้ชีวิตของตัวเอง เพราะการออมเงินไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว แน่นอนว่าวิธีการแต่ละแบบก็ปรับใช้กับแต่ละคนได้แตกต่างกันไป ลองมาดูกันว่าเราจะวางแผนเก็บเงินกันได้อย่างไร แล้วมีวิธีไหนที่ช่วยให้ออมเงินได้กันบ้าง
 
ทำความรู้จักสูตรการออมเงิน
ก่อนอื่นลองมาดูกันว่าสูตรการออมเงินที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินมักแนะนำกันนั้น มีอะไรบ้าง แล้วสูตรการเงินไหนที่นำมาปรับใช้ให้เข้ากับเราได้จริงบ้าง
สูตรการออมเงิน 1: 50-30-20
ถือเป็นอีกสูตรการออมเงินที่มักได้เห็นกันอยู่บ่อยๆ คือ การจัดสรรรายได้ตามภาระรายจ่ายที่จำเป็น โดยแบ่งสัดส่วนของเงินที่มีให้เหมาะสมกับการใช้ชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพ ข้อดีของวิธีนี้คือช่วยให้ผู้ออมจำกัดการใช้เงินได้ เพราะมีการแจกแจงตัวเลขของรายจ่ายแต่ละแบบอย่างชัดเจน รวมทั้งยังสามารถกันจำนวนเงินออมได้แน่นอน ซึ่งทำให้มั่นใจว่าจะมีเงินออมทุกเดือน
หลักการออมเงินตามสูตร 50-30-20 มีวิธีจัดสรรปันส่วน ดังนี้
 
50% คือ เงินที่นำไปใช้กับรายจ่ายจำเป็นที่ต้องจ่ายเป็นประจำทุกเดือน เช่น ค่าเช่า/ผ่อนที่อยู่อาศัย ค่าส่งงวดผ่อนรถหรือสิ่งของต่างๆ ค่าโทรศัพท์มือถือ ค่าใช้บริการที่จำเป็นต้องหักเป็นประจำทุกเดือน ค่าเดินทางไปทำงาน และรายจ่ายอื่นๆ ที่มีตัวเลขเงินชำระแน่นอนและจำเป็นต้องใช้
 
30% คือ เงินที่นำไปใช้จ่ายส่วนตัว หรือใช้สำหรับการพักผ่อนและสันทนาการตามใจชอบ ไม่ว่าจะเป็นค่าอาหาร ค่าน้ำค่าไฟ ค่าเที่ยวสังสรรค์ตามที่ต่างๆ ซื้อสิ่งของที่อยากได้ และอื่นๆ
 
20% คือ เงินที่นำไปเก็บไว้เป็นเงินออม โดยเงินส่วนนี้ให้หักออกมาก่อนทันทีที่ได้รับเงินเดือนในแต่ละเดือน เพื่อเก็บไว้ใช้สำรองยามฉุกเฉินหรือเป็นทุนรอนในการต่อยอดรายได้ให้งอกเงยต่อไปได้ในอนาคต ทั้งนี้ สัดส่วนเงินออมและรายจ่ายต่างๆ อาจปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม รวมทั้งให้สอดคล้องกับการใช้ชีวิตของแต่ละคน
 
สูตรการออมเงิน 2: เก็บเงิน 10% ของรายได้
นี่ถือเป็นอีกวิธีที่มักได้ยินและได้รับความนิยมไม่น้อย คือ เก็บเงินออมเป็นจำนวน 10% ของรายได้ เมื่อได้เงินเดือนมาแล้ว ให้จัดการแบ่งเงินจำนวน 10% มาออมเป็นอันดับแรก ส่วนเงินที่เหลือจากนั้นก็นำไปใช้จ่ายตามสมควร
           ยกตัวอย่าง นายเอ ได้รับเงินเดือนเดือนละ 35,000 บาท หากต้องการออมเงินตามสูตรนี้ก็นำ
           รายได้ x 10% = จำนวนเงินออม ตามสูตรนี้ก็จะได้เป็น 35,000 x 10% = 3,500 บาท
 
รวมวิธีเก็บเงินสำหรับมนุษย์เงินเดือน
เมื่อพอเข้าใจหลักการออมเงินเบื้องต้นบ้างแล้ว คราวนี้มาดูกันว่ามีวิธีหรือเทคนิคที่ช่วยออมเงินแบบไหนที่นำไปปรับใช้ได้จริงบ้าง
 
จัดสรรการออมเงินให้ชัดเจน
การเริ่มต้นที่ง่ายและทำได้แบบเห็นผล คือเริ่มจัดสรรปันส่วนจำนวนเงินให้ชัดเจน โดยอิงจากสูตรการออมเงินที่แนะนำไปข้างต้นก็ได้ วิธีนี้จะช่วยให้เห็นตัวเลขของเงินออมอย่างชัดเจน ส่งผลไปถึงการตั้งเป้าหมายและรักษาวินัยการออมให้ได้ตามจำนวนเงินนั้นในทุกเดือน
 
ฝากเงินกับธนาคาร 
สิ่งแรกคือต้องแยกบัญชีเงินออมออกจากบัญชีใช้จ่ายทั่วไป วิธีแนะนำคือแบ่งบัญชีออกเป็น 4 บัญชี ได้แก่ 
           
1. บัญชีฉุกเฉิน เก็บเงินก้อนไว้ใช้เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันอย่างอุบัติเหตุ เจ็บไข้ได้ป่วย หรือมีเหตุจำเป็นต้องเสียเงิน โดยเงินส่วนนี้ควรมีไว้อย่างน้อย 6 เท่าของค่าใช้จ่ายทั้งหมด
2. บัญชีเงินออมสำหรับระยะสั้นถึงระยะกลาง เก็บไว้เป็นเงินสำหรับต่อยอดหรือใช้ประโยชน์สำหรับแผนอันใกล้    เช่น ผ่อนที่อยู่อาศัย ผ่อนรถ สร้างครอบครัวเป็นของตัวเอง หรือเดินทางท่องเที่ยวตามเป้าหมาย
3. บัญชีเงินออมสำหรับระยะยาว เก็บไว้เป็นเงินสำหรับชีวิตหลังเกษียณหรือภายภาคหน้า โดยควรออมเงินส่วนนี้อย่างสม่ำเสมอ และไม่หยิบมาใช้จ่ายโดยไม่จำเป็น
4. บัญชีเพื่อการลงทุน เก็บเงินก้อนนี้ไว้ต่อยอดทางการเงินให้งอกเงยต่อไป โดยอาจเก็บออมครั้งละเล็กๆ น้อยๆ เมื่อได้เงินจำนวนหนึ่งแล้ว จึงถอนเงินก้อนนั้นออกมาลงทุนตามที่ตั้งใจ
 
ตั้งหักบัญชีอัตโนมัติ
วิธีนี้จะช่วยสร้างวินัยการใช้จ่ายและออมเงินได้เป็นอย่างดี เพราะช่วยให้ชำระรายจ่ายจำเป็นในแต่ละเดือนได้อย่างถูกต้องและตรงเวลา อีกทั้งยังทราบรายละเอียดค่าใช้จ่ายชัดเจน ทำให้จัดสรรเงินออมได้อย่างสม่ำเสมอ
 
เหลือเงินจากรายจ่ายให้เก็บไว้
แม้ว่าเราจะจัดสรรสัดส่วนเงินออมและรายจ่ายไว้ชัดเจนแล้ว แต่หากเรามีเงินเหลือจากการใช้จ่าย ก็สามารถนำเงินส่วนนั้นมาเก็บออมเพิ่มได้ในแต่ละเดือน ซึ่งมีหลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการหยอดเหรียญออมเงิน หรือแม้แต่การทดธนบัตร 50 บาท เก็บไว้ ไม่ใช้จ่ายออกไป
 
เพราะการออมเงินเป็นเหมือนหลักประกันความมั่นคงระยะยาวให้กับชีวิต ไม่ว่าจะเก็บด้วยวิธีใด จำนวนเท่าไหร่ การเริ่มต้นออมเงินวันนี้จึงถือว่าจำเป็นและเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้มีรายได้ไม่ควรมองข้าม
 
แต่หากคุณกำลังพบเรื่องที่ไม่คาดฝัน ต้องการใช้เงินสด มองหาตัวช่วยเรื่องการเงิน
สามารถสมัครบัตรกดเงินสดบัตรยูเมะพลัสพกไว้อุ่นใจ ไม่ใช้ก็ไม่เสียดอกเบี้ย สมัครได้เลยที่นี่