การรวมหนี้บัตรเครดิตเป็นวิธีการหนึ่งที่หลายคนเลือกใช้เมื่อต้องการจัดการภาระหนี้สินที่มีอยู่หลายก้อน ทำให้การผ่อนชำระง่ายขึ้น แต่การรวมหนี้นั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสียที่เราควรพิจารณาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ มาดูกันว่าวิธีการรวมหนี้มีข้อดีและมีข้อควรระวังอะไรบ้าง ถ้าอยากรวมหนี้ต้องทำอย่างไร

รวมหนี้บัตรเครดิต คืออะไร

การรวมหนี้บัตรเครดิต คือ การนำหนี้บัตรเครดิตหลายใบที่มีอยู่กับหลายสถาบันการเงินมารวมเป็นก้อนเดียว ซึ่งอาจทำผ่านการกู้เงินก้อนใหม่เพื่อปิดหนี้เก่าทั้งหมด แล้วผ่อนชำระหนี้ก้อนใหม่เพียงแห่งเดียว ทำให้การบริหารจัดการง่ายขึ้น สามารถลดภาระการชำระหนี้หลายก้อน หลายดอกเบี้ย หลายเงื่อนไข และหลายวันครบกำหนด มาเป็นการชำระเพียงที่เดียวภายใต้เงื่อนไขการชำระที่ชัดเจน

ข้อดีของการรวมหนี้

การรวมหนี้บัตรเครดิตนั้นมีข้อดีหลายประการที่ช่วยให้การจัดการภาระหนี้สินมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีหนี้บัตรเครดิตหลายใบ และต้องการทางออกในการจัดการหนี้ให้เป็นระบบ ซึ่งมีข้อดีที่สำคัญดังนี้

ดอกเบี้ยถูกลง

การรวมหนี้มักช่วยให้ได้อัตราดอกเบี้ยที่ถูกลงกว่าดอกเบี้ยบัตรเครดิตเดิม ซึ่งปกติอยู่ที่ประมาณ 16-20% ต่อปี โดยเมื่อรวมหนี้แล้วอัตราดอกเบี้ยอาจลดลงเหลือประมาณ 12-15% ขึ้นอยู่กับสถาบันการเงินและเครดิตของผู้กู้ การที่ดอกเบี้ยลดลงนี้จะช่วยให้เราประหยัดเงินในระยะยาว ลดภาระดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย และช่วยให้เงินส่วนใหญ่ที่ชำระไปถูกหักเป็นเงินต้นมากขึ้น

ผ่อนจ่ายง่ายขึ้น

การรวมหนี้ช่วยให้การผ่อนชำระง่ายขึ้นเพราะเราไม่ต้องคอยจดจำวันครบกำหนดชำระของบัตรเครดิตหลายใบ ไม่ต้องกังวลว่าจะลืมจ่ายบัตรใบไหน และไม่ต้องคอยจัดสรรเงินเพื่อชำระหนี้หลาย ๆ ครั้งในแต่ละเดือน เราเพียงแค่ผ่อนชำระเป็นงวดๆ แบบชัดเจนในวันที่กำหนดเพียงครั้งเดียวต่อเดือน ทำให้การวางแผนการเงินง่ายขึ้นและมีโอกาสพลาดชำระน้อยลง

ช่วยลดภาระรายเดือน

การรวมหนี้ช่วยลดภาระการผ่อนชำระรายเดือนได้ เนื่องจากการกระจายการชำระออกไปเป็นระยะเวลานานขึ้น ทำให้จำนวนเงินที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือนลดลง เช่น จากเดิมที่ต้องจ่ายขั้นต่ำของบัตรเครดิตหลายใบรวมกันอาจสูงถึง 10,000-15,000 บาทต่อเดือน เมื่อรวมหนี้แล้วอาจเหลือเพียง 5,000-8,000 บาทต่อเดือน ทำให้มีเงินเหลือสำหรับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ในชีวิตประจำวันมากขึ้น

เครดิตดีขึ้นในระยะยาว

การรวมหนี้และชำระหนี้อย่างสม่ำเสมอจะช่วยฟื้นฟูเครดิตให้ดีขึ้นในระยะยาว เพราะการปิดหนี้บัตรเครดิตเดิมทันทีถือเป็นการชำระหนี้ตรงเวลา และการมีภาระหนี้เพียงแห่งเดียวจะลดสัดส่วนหนี้ต่อรายได้ (Debt to Income Ratio) ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณาเครดิตของสถาบันการเงิน ทำให้โอกาสในการได้รับอนุมัติสินเชื่อในอนาคตมีมากขึ้น

ลดความเครียดในการบริหารหนี้

การรวมหนี้ช่วยลดความเครียดและความกังวลในการบริหารจัดการหนี้หลายก้อน เพราะเราไม่ต้องกังวลว่าจะมีหนี้บัตรเครดิตใดที่ถูกลืมชำระจนทำให้เกิดค่าปรับ ไม่ต้องเสียเวลาในการโทรศัพท์ติดต่อกับหลายธนาคารเมื่อมีปัญหา และไม่ต้องจัดการกับใบแจ้งหนี้จำนวนมาก ทำให้มีเวลาและพลังงานไปโฟกัสกับเรื่องอื่น ๆ ในชีวิตได้มากขึ้น

ข้อเสียของการรวมหนี้

แม้การรวมหนี้บัตรเครดิตจะมีข้อดีหลายประการ แต่ก็มีข้อเสียที่เราควรพิจารณาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ เพราะแต่ละวิธีการรวมหนี้มีเงื่อนไขและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน และอาจไม่เหมาะกับทุกคน โดยข้อที่ควรคำนึงถึงมีดังนี้

อาจใช้เวลาผ่อนนานขึ้น

การรวมหนี้อาจทำให้ระยะเวลาในการผ่อนชำระยาวนานขึ้น เพราะแม้ว่าค่างวดรายเดือนจะลดลง แต่จำนวนเงินต่องวดอาจเพิ่มขึ้น เช่น จากเดิมที่อาจใช้เวลา 1-2 ปี ในการชำระหนี้บัตรเครดิตหากเรายอมจ่ายมากกว่ายอดขั้นต่ำ แต่เมื่อรวมหนี้แล้วอาจต้องใช้เวลา 3-5 ปี ในการชำระหนี้ทั้งหมด ซึ่งหมายความว่าเราจะต้องอยู่กับภาระหนี้นี้เป็นเวลานานขึ้น

อาจจ่ายดอกเบี้ยแพงขึ้น

แม้อัตราดอกเบี้ยของการรวมหนี้จะต่ำกว่าบัตรเครดิต แต่เนื่องจากระยะเวลาการผ่อนที่ยาวนานขึ้น เราอาจต้องจ่ายดอกเบี้ยรวมมากกว่าเดิม เช่น หากรวมหนี้ 300,000 บาท ดอกเบี้ย 15% ต่อปี ผ่อน 5 ปี เราอาจต้องจ่ายดอกเบี้ยรวมมากถึง 100,000-120,000 บาท ซึ่งอาจมากกว่าหากเราพยายามชำระหนี้บัตรเครดิตเดิมให้เร็วที่สุดและจ่ายมากกว่ายอดขั้นต่ำ

อาจมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม

การรวมหนี้อาจมีค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ที่เราต้องจ่ายเพิ่มเติม เช่น ค่าธรรมเนียมการจัดการสินเชื่อ (Front End Fee) ซึ่งอาจคิดเป็น 1-3% ของวงเงินกู้ ค่าประเมินหลักประกัน (กรณีใช้สินเชื่อที่มีหลักประกัน) และค่าธรรมเนียมการชำระคืนก่อนกำหนด (Prepayment Penalty) หากเราต้องการชำระหนี้ก่อนครบกำหนดสัญญา ซึ่งค่าใช้จ่ายเหล่านี้อาจทำให้ประโยชน์จากการรวมหนี้ลดลง

เสี่ยงต่อการสร้างหนี้ใหม่

การรวมหนี้อาจทำให้เกิดความเสี่ยงที่เราจะกลับไปสร้างหนี้บัตรเครดิตใหม่ เพราะหลังจากปิดหนี้บัตรเครดิตเดิมแล้ว เรายังคงมีวงเงินบัตรเครดิตที่ว่างอยู่ และอาจถูกล่อใจให้ใช้จ่ายอีก ทำให้กลับมามีภาระหนี้ซ้ำซ้อนทั้งหนี้รวมและหนี้บัตรเครดิตใหม่ ดังนั้น จึงต้องมีวินัยทางการเงินอย่างสูงและอาจต้องพิจารณาตัดบัตรเครดิตบางใบทิ้งไป

ต้องมีเครดิตดีพอสมควร

การจะได้รับอนุมัติสินเชื่อเพื่อรวมหนี้บัตรเครดิตนั้น เราจำเป็นต้องมีประวัติเครดิตที่ดีพอสมควร ซึ่งหากประวัติเครดิตไม่ดี มีประวัติการชำระหนี้ล่าช้า หรือค้างชำระ อาจยากที่จะได้รับการอนุมัติสินเชื่อเพื่อรวมหนี้ หรืออาจได้รับอนุมัติในวงเงินที่ไม่เพียงพอต่อการปิดหนี้บัตรเครดิตทั้งหมด ทำให้ยังคงมีภาระหนี้บางส่วนเหลืออยู่
ข้อดีข้อเสียของการรวมหนี้

4 ขั้นตอนในการรวมหนี้บัตรเครดิต

การเริ่มต้นรวมหนี้บัตรเครดิตอย่างมีระบบจะช่วยให้กระบวนการเป็นไปอย่างราบรื่น โดยเราควรทำตามขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อให้แน่ใจว่าการรวมหนี้จะเป็นประโยชน์สูงสุดกับสถานการณ์ทางการเงินของเรา ไม่ใช่เพียงแค่การแก้ปัญหาระยะสั้นเท่านั้น

1. ตรวจสอบยอดหนี้และเงื่อนไขบัตรเครดิต

ก่อนเริ่มกระบวนการรวมหนี้เราควรตรวจสอบยอดหนี้คงเหลือของบัตรเครดิตทุกใบอย่างละเอียด รวมถึงอัตราดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม และเงื่อนไขต่าง ๆ เพื่อให้ทราบจำนวนเงินที่ต้องการกู้มาเพื่อปิดหนี้ทั้งหมด นอกจากนี้ ควรตรวจสอบเครดิตบูโรของตนเองด้วย เพื่อดูว่ามีโอกาสที่จะได้รับอนุมัติสินเชื่อเพื่อรวมหนี้หรือไม่ และควรปรับปรุงอะไรก่อนยื่นขอสินเชื่อ หากมีรายการผิดพลาดในเครดิตบูโร

2. เลือกวิธีการรวมหนี้ที่เหมาะสม

มีหลายวิธีในการรวมหนี้บัตรเครดิต เช่น สินเชื่อบุคคล สินเชื่อเพื่อการรวมหนี้โดยเฉพาะ หรือการโอนยอดหนี้ไปยังบัตรเครดิตใหม่ที่มีดอกเบี้ย 0% ในช่วงแรก และการรวมหนี้ด้วยบัตรกดเงินสดเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยได้ เพราะไม่เสียค่าธรรมเนียมการกดเงินสด และมีความยืดหยุ่นในการชำระคืน โดยเราควรเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของแต่ละวิธี และเลือกวิธีที่เหมาะสมกับสถานการณ์ทางการเงินของเรา

3. ประเมินความสามารถในการชำระหนี้

ก่อนตัดสินใจรวมหนี้เราควรประเมินความสามารถในการชำระหนี้ของตนเอง โดยพิจารณาว่ารายได้ในแต่ละเดือนเพียงพอที่จะชำระค่างวดได้หรือไม่ รวมถึงพิจารณาค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่จำเป็น และควรมีเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินด้วย อย่าเลือกแผนการชำระที่กดดันงบประมาณมากเกินไป เพราะจะเสี่ยงต่อการผิดนัดชำระในอนาคต ซึ่งจะยิ่งทำให้สถานการณ์ทางการเงินแย่ลง

4. เตรียมเอกสารให้พร้อมและทำการยื่นขอรวมหนี้

เมื่อตัดสินใจเลือกวิธีการรวมหนี้แล้ว เราควรเตรียมเอกสารสำคัญให้พร้อม เช่น บัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน สลิปเงินเดือน หรือเอกสารแสดงรายได้ 6 เดือนย้อนหลัง เอกสารแสดงหนี้บัตรเครดิตปัจจุบัน และเอกสารอื่น ๆ ตามที่สถาบันการเงินกำหนด การเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนและถูกต้องจะช่วยให้กระบวนการพิจารณาสินเชื่อรวดเร็วขึ้น และเพิ่มโอกาสในการได้รับอนุมัติ

การรวมหนี้บัตรเครดิตเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการจัดการภาระหนี้สินให้เป็นระบบมากขึ้น ช่วยลดภาระรายเดือน ลดดอกเบี้ย และทำให้การชำระหนี้ง่ายขึ้น แต่ก็มีข้อเสียที่ต้องพิจารณา เช่น ระยะเวลาผ่อนที่นานขึ้น และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ดังนั้น ก่อนตัดสินใจรวมหนี้ ควรศึกษาข้อมูลให้รอบด้านและเลือกวิธีที่เหมาะกับสถานการณ์ทางการเงินของตนเอง สำหรับใครที่สนใจสมัครบัตรกดเงินสดยูเมะพลัสก็สามารถสมัครผ่านทางออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
บัตรกดเงินสดยูเมะพลัส

*อัตราดอกเบี้ย 19.8% - 25% ต่อปี, กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว, ดูเงื่อนไขได้ที่เว็บไซต์ยูเมะพลัส