ด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่างในปัจจุบันที่ส่งผลให้ราคาสินค้าอุปโภค บริโภค และค่าครองชีพสูงขึ้น รวมทั้งการชอปปิงที่ทำได้ง่าย สะดวก และรวดเร็วผ่านโทรศัพท์มือถือ ซึ่งอาจทำให้เกิดการใช้จ่ายเกินความจำเป็น จนนำไปสู่การสร้างหนี้โดยไม่รู้ตัว

ดังนั้น มาดูกันดีกว่าว่าพฤติกรรมอะไรบ้างที่ควรระมัดระวัง เพื่อป้องกันการก่อให้เกิดหนี้จนทำให้ต้องกู้ยืมเงิน พร้อมเรียนรู้วิธีหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านี้ และสามารถชำระหนี้ได้โดยที่ไม่เป็นภาระกับกระเป๋าเงินของคุณไปพร้อม ๆ กัน

7 พฤติกรรมที่ทำให้ชีวิตมีหนี้ จนต้องกู้ยืมเงิน
1. ใช้เงินเดือนชนเดือน ขาดสภาพคล่อง
หากใครที่รู้สึกได้ว่าเริ่มใช้เงินติด ๆ ขัด ๆ ใช้เงินเดือนชนเดือน หรือมีปัญหาในการใช้เงินซื้อของจำเป็นในชีวิตประจำวัน และเริ่มพิจารณาที่จะกู้ยืมเงิน นั่นอาจเป็นพฤติกรรมขั้นแรกที่บ่งบอกว่าคุณกำลังจะเป็นหนี้ได้ง่าย ๆ เพราะกำลังใช้เงินแบบตึงมืออยู่

2. ไม่มีเงินก้อนสำรอง เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน
นอกจากการขาดสภาพคล่องในการใช้เงิน หากใครไม่ได้มีการวางแผนงบประมาณที่จะใช้จ่าย เพื่อให้มีเงินเก็บสำรองไว้ใช้อีก 3 - 6 เดือนข้างหน้า หรือสำรองไว้เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน เพราะรายรับ - รายจ่ายเข้าและออกไปอย่างรวดเร็ว ให้ระวังไว้ได้เลยว่ามีโอกาสเป็นหนี้สูง เพราะเมื่อไม่มีเงินสำรอง ก็ต้องกู้ยืมเงินมาใช้ยามจำเป็น

3. ไม่เคยประเมินภาระหนี้สินในแต่ละเดือน
ไม่เคยจดรายการค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และไม่เคยคำนวณออกมาว่าในแต่ละเดือนมีหนี้สินอะไรบ้างที่ต้องชำระ มีการกู้ยืมเงินบุคคล หรือสถาบันการเงินไหนไว้บ้าง และทั้งหมดเป็นค่าใช้จ่ายเท่าไร พฤติกรรมนี้เป็นสิ่งที่ต้องระวังอีกเช่นกัน เพราะส่งผลต่อความสามารถในการชำระหนี้ได้

4. อัตราส่วนเงินชำระหนี้ต่อรายได้เกินกว่า 40 - 45%
เมื่อลองรวบรวมรายการหนี้สินที่ต้องจ่ายต่อเดือนออกมา โดยหักค่าใช้จ่ายรายวันออกแล้ว และพบว่าต้องชำระหนี้เกินกว่า 40 - 45% ของรายได้ นั่นหมายถึงสัญญาณสู่การเป็นหนี้ที่ชัดเจน เพราะรายรับ – รายจ่ายไม่สัมพันธ์กัน

5. กู้ยืมเงินและหมุนชำระหนี้ด้วยบัตรเครดิต
ใครที่ชอบหยิบยืมเงินจากคนใกล้ชิด กู้ยืมเงินนอกระบบ หรือใช้บัตรเครดิตรูดจ่ายจนเต็มวงเงินทุกใบ หรือแม้กระทั่งเปิดบัตรใบใหม่ เพื่อนำมาชำระหนี้ของบัตรใบเดิม ให้รีบหยุดนิสัยทางการเงินลักษณะนี้โดยทันที ก่อนจะสายเกินแก้

6. ชำระบัตรเครดิตขั้นต่ำ
เพราะการชำระขั้นต่ำนั้นจะทำให้หนี้ยิ่งสะสมมากขึ้นเรื่อย ๆ แถมยังมีดอกเบี้ยที่อาจสมทบเพิ่มเข้าไปอีก หากใครกำลังจัดการหนี้ด้วยวิธีนี้อยู่ ควรปรับวินัยการใช้เงินเช่นเดียวกัน ไม่เช่นนั้นต้องกู้ยืมเงินจนเป็นหนี้เพิ่มขึ้นอีกแน่นอน

7. พยายามชำระหนี้แล้ว แต่ยอดหนี้ไม่ลดลง
เมื่อถึงจุดที่ทำทุกวิถีทางแล้ว ทั้งกู้ยืมเงิน ขอผ่อนชำระหนี้ แต่ยอดหนี้ยังไม่ลดไปจากเดิม จนทำให้เกิดความเครียดซึ่งส่งผลต่อสุขภาพกายและใจ แปลว่าสถานะการเงินของคุณกำลังเข้าขั้นวิกฤตแล้ว ต้องพิจารณาหาทางจัดการหนี้สินให้หมดไปโดยเร็วที่สุด

วิธีบริหารจัดการเงินไม่ให้มีหนี้จนต้องกู้ยืม ทำได้ไม่ยาก
เมื่อทราบกันแล้วว่าพฤติกรรมแบบไหนบ้างที่ทำให้เงินไม่เหลือจนเกิดหนี้ คราวนี้มาดูวิธีที่จะช่วยเป็นปราการป้องกันการใช้เงินเกินความจำเป็นกันบ้าง โดยแต่ละข้อไม่ยากอย่างที่คิด

1. กำหนดงบประมาณในการใช้จ่าย วางแผนเลยว่าในแต่ละวันสามารถใช้เงินได้เท่าไร มีงบที่ใช้ซื้อของในแต่ละเดือนได้ไม่เกินเท่าไร และต้องคิดไว้เสมอว่าควรมีเงินเก็บสำรองแยกไว้ใช้อีกส่วนด้วย
2. พิจารณาความสามารถในการจ่ายคืน ลองดูว่ารายรับเท่านี้ จะสามารถชำระหนี้โดยที่ไม่ต้องกู้ยืมเงินที่จำนวนเท่าไร โดยอาจจะคำนวณอัตราส่วนหนี้ดูว่าเป็นกี่ % ของรายได้ ซึ่งเมื่อคำนวณออกมาแล้ว ไม่เกิน 40% จะดีที่สุด โดยคิดจาก ภาระหนี้ที่ต้องชำระรายเดือน ÷ รายได้ต่อเดือน x 100
3. ตรวจสอบและลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น โดยการทำบัญชีรายรับ - รายจ่ายแต่ละเดือน เพื่อให้เห็นชัดเจนว่ารายจ่ายใดบ้างที่ต้องตัดออก จะได้มีกำลังในการชำระหนี้โดยไม่กระทบในแต่ละเดือน
4. ระวังการใช้จ่ายด้วยบัตรเครดิต ก่อนชอปปิงหรือรูดจ่ายด้วยบัตร แนะนำให้เลือกเฉพาะของที่จำเป็นต้องใช้จริง ๆ ก่อน และไม่ควรจ่ายค่าบัตรเครดิตขั้นต่ำ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยสูง นอกจากนี้ หากมีการเปิดบัตรเครดิตใบใหม่เพิ่ม ให้พิจารณาดูว่าจะเป็นการช่วยชำระหนี้เดิมหรือเพิ่มหนี้ใหม่
5. มองหารายได้เสริม หากมีการกู้ยืมเงินเพื่อมาชำระหนี้ การหารายได้เสริมเป็นอีกช่องทางที่สามารถผ่อนชำระหนี้สินให้หมดไปได้เร็วยิ่งขึ้น โดยอาจเลือกหารายได้เสริมจากสิ่งที่สนใจ หรืองานที่ถนัดก่อนก็ได้
6. สำรวจและประเมินสถานการณ์การเงินอยู่เสมอ นอกจากวิธีการข้างต้น สิ่งสำคัญในการหลีกเลี่ยงการเป็นหนี้จนต้องกู้ยืมเงิน คือ ต้องหมั่นประเมินสภาพคล่องทางการเงินเป็นประจำ เพื่อคงวินัยที่ดีทางการเงินไว้นั่นเอง


ถึงแม้ว่าหลายคนจะบริหารจัดการเงินดีแล้ว แต่การมีแผนสำรองทางการเงิน ก็เป็นแผนการจัดการเกี่ยวกับการเงินที่ชาญฉลาด อย่างการมีบัตรกดเงินสดติดตัวไว้ใช้ยามจำเป็น หรือมีไว้สำหรับใครที่กำลังวางแผนปิดยอดหนี้ และต้องการรวมหนี้ไว้ในบัตรใบเดียว การมีบัตรกดเงินสดก็จะช่วยให้จัดการหนี้สินได้ดียิ่งขึ้น ทำให้เราไม่ต้องเสียดอกเบี้ยหลายต่อ

ซึ่งบัตรกดเงินสดยูเมะพลัส เป็นหนึ่งในตัวช่วยทางการเงินที่จะช่วยให้คุณบริหารจัดการเงินได้อย่างคุ้มค่า มาพร้อมสิทธิประโยชน์มากมาย สามารถสมัครผ่านทางออนไลน์ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0% นาน 30 วัน* แต่หากไม่กดเงิน ก็ไม่เสียดอกเบี้ย

ผู้ที่สนใจสามารถเช็กคุณสมบัติเพิ่มเติม คลิก

*เพียงมียอดเบิกถอนเงินสดภายใน 30 วันหลังได้รับการอนุมัติ (เฉพาะยอดเบิกถอนภายในวันแรกเท่านั้น)หลังจบโปรฯ อัตราดอกเบี้ยปรับเป็นปกติ 19.8% หรือไม่เกิน 25% ต่อปีกรณีผิดนัดชำระจะถูกปรับเป็นอัตราดอกเบี้ยปกติ, ดูเงื่อนไขได้ที่ www.umayplus.com, กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว