ในยุคที่เศรษฐกิจผันผวนหลายคนประสบปัญหาด้านการเงินจนต้องหันไปพึ่งพาเงินกู้ทั้งในระบบและเงินกู้นอกระบบ เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าหรือเสริมสภาพคล่อง แต่การตัดสินใจกู้เงินเป็นเรื่องสำคัญที่จะสร้างภาระผูกพันทางการเงินในระยะยาว จึงควรศึกษาข้อมูลให้รอบด้านก่อนตัดสินใจว่าจะเลือกกู้เงินในระบบหรือกู้เงินนอกระบบ เพื่อให้ได้สินเชื่อที่เหมาะสมกับความต้องการและไม่สร้างปัญหาในอนาคต

กู้เงินในระบบ VS กู้เงินนอกระบบ ต่างกันอย่างไร

การกู้เงินทั้งสองประเภทมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนทั้งในแง่ของความน่าเชื่อถือ ความปลอดภัย อัตราดอกเบี้ย และกระบวนการขอสินเชื่อ เราจำเป็นต้องเข้าใจความแตกต่างเหล่านี้เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทางการเงินที่อาจตามมาในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาจากการกู้เงินนอกระบบที่อาจสร้างความเดือดร้อนมากกว่าที่คาดคิด

กู้เงินในระบบ

การกู้เงินในระบบ คือ การขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงการคลังอย่างถูกต้อง และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย สินเชื่อประเภทนี้มีหลากหลายรูปแบบ เช่น สินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถยนต์ บัตรเครดิต และสินเชื่อเงินสดส่วนบุคคล ซึ่งล้วนเป็นหนี้ที่กฎหมายรับรอง ผู้กู้จึงมีหลักประกันว่าจะได้รับความคุ้มครองและความเป็นธรรมตามกฎหมาย ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากผู้ให้กู้

อัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อเงินสดในระบบ

สินเชื่อในระบบจะมีอัตราดอกเบี้ยที่ชัดเจนและเป็นไปตามกรอบที่กฎหมายกำหนด โดยมีอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมรวมแล้วไม่เกิน 25% ต่อปี ซึ่งผู้กู้จะได้รับการแจ้งเงื่อนไขและอัตราดอกเบี้ยอย่างชัดเจนก่อนตัดสินใจทำสัญญา แม้บางสินเชื่ออาจไม่จำเป็นต้องมีหลักทรัพย์หรือผู้ค้ำประกัน แต่ผู้กู้ต้องยื่นเอกสารประกอบการพิจารณา เช่น สลิปเงินเดือน บัญชีธนาคาร เพื่อยืนยันความสามารถในการชำระหนี้ตามเงื่อนไขที่แต่ละสถาบันการเงินกำหนด

เมื่อเกิดปัญหาไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด

หากผู้กู้ประสบปัญหาทางการเงินและไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด ผู้กู้สามารถติดต่อสถาบันการเงินเพื่อขอเจรจาและหาทางออกร่วมกัน เช่น การขอปรับโครงสร้างหนี้ การขยายระยะเวลาชำระหนี้ หรือการลดอัตราดอกเบี้ย สถาบันการเงินในระบบมีมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ประสบปัญหา และมีกระบวนการทวงถามหนี้ที่เป็นไปตามกฎหมาย ไม่มีการข่มขู่หรือใช้ความรุนแรงในการติดตามทวงหนี้

กู้เงินนอกระบบ

การกู้เงินนอกระบบเป็นการกู้ยืมเงินจากบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินธุรกิจการเงินอย่างถูกกฎหมาย มักพบเห็นได้จากโฆษณาตามสื่อออนไลน์ ใบปลิว หรือป้ายโฆษณาตามเสาไฟฟ้าที่ให้บริการเงินกู้นอกระบบรายเดือน โดยมักจะใช้คำว่าเงินกู้รายเดือนได้จริงหรือสินเชื่อเงินด่วนอนุมัติเร็วนอกระบบ แต่ในบางครั้งก็เป็นการกู้ยืมกันเองในกลุ่มคนรู้จัก มีขั้นตอนการกู้ที่ไม่ซับซ้อน และอาจไม่จำเป็นต้องมีเอกสารมากมาย ทำให้ผู้ที่มีความเดือดร้อนเร่งด่วนมักเลือกใช้บริการเงินด่วนนอกระบบ โอนเข้าบัญชีเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า

อัตราดอกเบี้ยของเงินกู้นอกระบบ

เงินกู้นอกระบบมักไม่มีการกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่ชัดเจนและเป็นลายลักษณ์อักษร ผู้ให้กู้มักกำหนดอัตราดอกเบี้ยสูงเกินกว่าที่กฎหมายอนุญาต บางรายคิดดอกเบี้ยเป็นรายวันหรือรายสัปดาห์ ทำให้ผู้กู้ต้องรับภาระดอกเบี้ยที่สูงมาก และบ่อยครั้งไม่มีหลักฐานการชำระหนี้ที่ชัดเจน ทำให้ผู้กู้ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าตนเองได้ชำระเงินต้นและดอกเบี้ยไปแล้วเท่าไหร่ ระยะเวลาการชำระคืนมักไม่แน่นอนและเงื่อนไขต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับผู้ให้กู้กำหนดฝ่ายเดียว ทำให้ผู้กู้มีความเสี่ยงที่จะถูกเอารัดเอาเปรียบ

เมื่อเกิดปัญหาไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด

เมื่อผู้กู้เงินนอกระบบประสบปัญหาไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด มักจะไม่ได้รับความเห็นใจหรือการประนีประนอมจากผู้ให้กู้ การทวงหนี้อาจใช้วิธีการที่ผิดกฎหมาย เช่น การข่มขู่ คุกคาม ยึดทรัพย์สิน หรือใช้ความรุนแรง สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้กู้และครอบครัว นอกจากนี้ หากบริษัทรับปิดหนี้นอกระบบเข้ามาเสนอความช่วยเหลือก็อาจเป็นการเพิ่มภาระหนี้สินให้มากขึ้นกว่าเดิม เพราะบางครั้งเป็นเพียงการกู้หนี้ใหม่เพื่อมาชำระหนี้เก่า

ตารางความแตกต่างของกู้เงินในระบบ VS กู้เงินนอกระบบ

การเปรียบเทียบความแตกต่างของการกู้เงินทั้งสองประเภทจะช่วยให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้น ทั้งในแง่ของความน่าเชื่อถือ ความปลอดภัย และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในระยะยาว การกู้เงินในระบบแม้จะมีขั้นตอนที่ซับซ้อนกว่าและอาจใช้เวลาในการอนุมัติ แต่ก็มีความปลอดภัยและให้ความคุ้มครองผู้กู้มากกว่า ในขณะที่การกู้เงินนอกระบบอาจมีความสะดวกและรวดเร็วกว่า แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงและค่าใช้จ่ายที่สูงกว่ามาก โดยเราสรุปมาเป็นตารางให้เข้าใจง่ายขึ้น
ความแตกต่างของกู้เงินในระบบ VS กู้เงินนอกระบบ

ทำอย่างไรเมื่อเป็นหนี้นอกระบบ

หากเรากำลังประสบปัญหาจากการเป็นหนี้นอกระบบ เราควรพิจารณาปรับโครงสร้างหนี้และย้ายหนี้ให้เข้ามาอยู่ในระบบโดยเร็ว เราสามารถติดต่อสถาบันการเงินเพื่อขอคำปรึกษาและพิจารณาทางเลือกต่าง ๆ เช่น การขอสินเชื่อเพื่อกู้เงินปิดหนี้นอกระบบ ซึ่งจะช่วยให้เราได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าและมีระยะเวลาชำระคืนที่เหมาะสมกว่า หลายสถาบันการเงินมีโครงการช่วยเหลือผู้ที่มีปัญหาหนี้นอกระบบโดยเฉพาะ รวมถึงการให้คำแนะนำในการวางแผนการเงินเพื่อให้สามารถชำระหนี้ได้อย่างยั่งยืน

เลือกสินเชื่อบุคคล สินเชื่อเงินสด หรือบัตรกดเงินสดดี

การขอสินเชื่อเงินสดหรือสมัครบัตรกดเงินสดเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าการกู้เงินนอกระบบอย่างมาก สำหรับผู้ที่สนใจสินเชื่อบุคคล สินเชื่อเงินสด หรือบัตรกดเงินสด เรามาดูความแตกต่างของสินเชื่อแต่ละประเภทว่ามีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกันอย่างไรบ้าง

สินเชื่อเงินสด

การขอสินเชื่อเงินสดสามารถทำได้โดยยื่นเอกสารที่สถาบันการเงินโดยตรง หรือสมัครผ่านช่องทางออนไลน์ของสถาบันการเงินนั้น ๆ โดยวงเงินที่ได้รับจะขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่ระบุในคำขอและความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้ เราควรระบุวงเงินเพียงเท่าที่จำเป็นเพื่อลดภาระดอกเบี้ยในอนาคต เงื่อนไขการอนุมัติจะแตกต่างกันตามนโยบายของแต่ละสถาบัน เมื่อสินเชื่อได้รับการอนุมัติ เงินจะถูกโอนเข้าบัญชีของผู้กู้โดยตรง ทำให้สามารถนำไปใช้จ่ายได้ทันทีตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการปิดหนี้อื่น การลงทุน หรือค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน สินเชื่อประเภทนี้มักมีระยะเวลาผ่อนชำระที่ชัดเจนและแน่นอน ทำให้ผู้กู้สามารถวางแผนการเงินในระยะยาวได้

ดอกเบี้ยของสินเชื่อเงินสด

สินเชื่อเงินสดมักมีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าสินเชื่อที่มีหลักทรัพย์หรือผู้ค้ำประกัน เนื่องจากเป็นสินเชื่อไม่มีหลักประกัน ทำให้สถาบันการเงินมีความเสี่ยงมากกว่า เงื่อนไขการชำระเงินคืนจะถูกระบุอย่างชัดเจนในสัญญา ซึ่งผู้กู้จะได้รับสำเนาไว้เป็นหลักฐาน ทุกครั้งที่มีการชำระเงิน ผู้กู้จะได้รับใบเสร็จรับเงินเพื่อยืนยันการชำระหนี้ หากมีเงินก้อนเข้ามา ผู้กู้สามารถนำมาชำระหนี้ก่อนกำหนดเพื่อลดภาระดอกเบี้ยได้ ซึ่งเป็นข้อดีของสินเชื่อในระบบที่มีความยืดหยุ่นในการชำระหนี้ สินเชื่อเงินสดเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเงินก้อนใหญ่เพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะและมีแผนการชำระคืนที่ชัดเจน เช่น การศึกษาต่อ การปรับปรุงบ้าน หรือการรักษาพยาบาล

บัตรกดเงินสด

บัตรกดเงินสดเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่นในการใช้เงิน แม้จะยังไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องใช้เงิน แต่ก็สามารถสมัครไว้สำหรับกรณีฉุกเฉินในอนาคตได้ ข้อดีของบัตรกดเงินสดคือไม่มีค่าใช้จ่ายในการรักษาสถานภาพบัตรรายปี หากไม่มีการใช้งาน ก็จะไม่มีค่าใช้จ่ายหรือภาระหนี้เกิดขึ้น ผู้ถือบัตรสามารถเบิกถอนเงินสดได้ตามต้องการไม่จำกัดจำนวนครั้ง ตราบใดที่ยอดรวมไม่เกินวงเงินที่ได้รับอนุมัติ การสมัครทำได้ง่ายผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของสถาบันการเงิน หรือสมัครที่สาขาโดยตรง ทำให้สะดวกและรวดเร็ว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความคล่องตัวในการบริหารการเงิน

ดอกเบี้ยของบัตรกดเงินสด

บัตรกดเงินสดมีอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก คำนวณเป็นรายวันตามยอดเงินที่ใช้จริง หากไม่มีการเบิกถอนหรือใช้วงเงิน ก็จะไม่มีดอกเบี้ยเกิดขึ้น ผู้ใช้บัตรสามารถเลือกชำระคืนได้หลายรูปแบบ ทั้งชำระเต็มจำนวนเพื่อไม่เสียดอกเบี้ย หรือชำระขั้นต่ำเพื่อรักษาสภาพคล่องในช่วงที่มีรายได้ไม่เพียงพอ บัตรกดเงินสดเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเงินสำรองเพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน หรือต้องการความยืดหยุ่นในการบริหารค่าใช้จ่าย สามารถเบิกถอนเงินสดได้ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านบริการสั่งเงินโอนเข้าบัญชีที่ Umay+ Application ทำให้มีความสะดวกในการใช้งานและเข้าถึงเงินได้ทันทีเมื่อมีความจำเป็น 

การเลือกระหว่างกู้เงินในระบบหรือกู้เงินนอกระบบเป็นการตัดสินใจสำคัญที่ส่งผลต่อสุขภาพทางการเงินในระยะยาว แม้การกู้เงินนอกระบบอาจดูเหมือนเป็นทางออกที่สะดวกและรวดเร็วในช่วงเวลาคับขัน แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงและดอกเบี้ยที่สูงมาก การกู้เงินในระบบผ่านสถาบันการเงินที่น่าเชื่อถือจึงเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและคุ้มค่ากว่าในระยะยาว สำหรับใครที่สนใจสมัครบัตรกดเงินสดยูเมะพลัสสามารถสมัครผ่านทางออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

*อัตราดอกเบี้ย 19.8% - 25% ต่อปี, กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว, ดูเงื่อนไขได้ที่เว็บไซต์ยูเมะพลัส