การผ่อนสินค้า หรือ เอาสินค้ามาใช้ก่อน ค่อยผ่อนจ่ายทีหลัง ใครๆ ก็ทำกัน เป็นวิธีที่สะดวกสบาย ลูกค้าได้ของที่ต้องการอย่างรวดเร็วทันใจ โดยที่สามารถทยอยจ่ายได้ ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนให้เบาสบายมากขึ้น แต่การผ่อนสินค้าก็ใช่ว่าจะมีแต่ข้อดีให้เราชื่นใจ เพราะหากเผลอตัว ผ่อนสินค้าพร้อมกันหลายๆ รายการ ยอดในการผ่อนชำระแต่ละเดือนอาจกลายเป็นภาระที่หนักเกินไป และอาจทำให้เสียเครดิตได้เมื่อไม่สามารถชำระเงินคืนได้เต็มจำนวน  
มือใหม่หัดผ่อน “ต้องรู้” ผ่อนสินค้าอย่างไรให้ได้ประโยชน์
 
การผ่อนสินค้าด้วยบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสด
วิธีง่ายๆ ใกล้ตัวที่เราคุ้นเคยกันดีคือการผ่อนสินค้าด้วยบัตรเครดิตหรือบัตรกดเงินสด ซึ่งจะสามารถทำได้ก็ต่อเมื่อสินค้านั้นเข้าร่วมโปรแกรมผ่อนชำระกับทางร้านค้าหรือห้างสรรพสินค้า และราคาของสินค้านั้นจะต้องไม่เกินวงเงินของบัตรที่จะใช้ผ่อนซื้อสินค้านั้นๆ โดยสถาบันการเงินเจ้าของบัตรจะทำการตัดวงเงินในบัตรออกไปตามราคาของสินค้าที่รูดผ่อนไป เมื่อมีการผ่อนชำระในแต่ละเดือน สถาบันการเงินเจ้าของบัตรก็จะคืนวงเงินกลับเข้าบัญชีบัตรให้กับเรา
ยอดผ่อนชำระในแต่ละเดือน อัตราดอกเบี้ย รวมไปถึงระยะเวลาในการผ่อนชำระจะขึ้นอยู่กับร้านค้าที่ร่วมรายการผ่อนชำระ และสถาบันการเงินเจ้าของบัตรแต่ละแห่งเป็นผู้กำหนด ซึ่งส่วนใหญ่จะมีโปรโมชั่นส่งเสริมการขายเป็นระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย เช่น บัตรกดเงินสดยูเมะพลัส ผ่อน 0% นานสูงสุด 20 เดือน เมื่อซื้อสินค้า ณ ร้านค้าที่ร่วมรายการ สมัครบัตรกดเงินสดยูเมะพลัส
ข้อดีของการผ่อนสินค้า
1. ไม่จำเป็นต้องใช้เงินสดหรือจ่ายเงินก้อนตามราคาสินค้า ก็สามารถนำสินค้าที่ต้องการมาใช้ก่อนได้ โดยใช้เครดิตที่เรามี “ผ่อนจ่ายเป็นงวดๆ” ด้วยการใช้บัตรเครดิต หรือบัตรกดเงินสดที่ร่วมรายการผ่อนซื้อสินค้าที่ต้องการกับร้านค้าที่ร่วมรายการ
2. แบ่งจ่ายค่าสินค้าเป็นรายเดือนด้วยราคาสบายกระเป๋า ไม่หนักจนเกินไป 
3. โปรโมชั่นผ่อน 0% ในระยะเวลาที่กำหนด ช่วยให้ไม่ต้องเสียดอกเบี้ย
4. รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมจากสถาบันการเงินเจ้าของบัตร เช่น คะแนนสะสมสำหรับแลกของรางวัล หรือรับเครดิตเงินคืน ขึ้นอยู่กับสถาบันการเงินเจ้าของบัตรแต่ละใบจะเป็นผู้กำหนด  
ข้อจำกัดในการผ่อนสินค้า
1. สิ่งที่ขาดไม่ได้แน่นอนว่าต้องมีบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด หรือบัตรผ่อนสินค้า เพื่อใช้ในการผ่อนสินค้า 
2. ราคาของสินค้าต้องไม่เกินวงเงินของบัตรที่จะใช้ผ่อน 
3. สินค้าที่ต้องการผ่อนนั้นต้องเข้าร่วมโปรแกรมผ่อนชำระกับร้านค้า
ผ่อนชำระอย่างไร ไม่ให้เป็นหนี้จนเสียเครดิต
ขึ้นชื่อว่าการผ่อนชำระ ถึงแม้จะเป็นโปรโมชั่นผ่อนสบายๆ 0% อย่างไรก็ต้องชำระคืน กลายเป็นค่าใช้จ่ายผูกพันในแต่ละเดือน จนกว่าจะมีการผ่อนชำระจนครบตามจำนวนเงินค่าสินค้า ดังนั้นการจะผ่อนชำระอย่างไรให้คุ้มค่า และไม่เสียเครดิต มีเทคนิคง่ายๆ ดังนี้
1. จำกัดวงเงินใช้จ่าย และวางแผนค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน
2. ชำระเงินเต็มจำนวน ไม่ชำระขั้นต่ำ
3. จ่ายตรงเวลาทุกครั้ง สร้างประวัติการชำระเงินที่ดี เพราะข้อมูลของเราในส่วนนี้จะไปปรากฎอยู่ใน “เครดิตบูโร” อาจส่งผลต่อการพิจารณาสินเชื่อในอนาคตได้
4. วางแผนการผ่อนให้ดี ถึงแม้จะมีโปรโมชั่น 0% แต่ถ้าต้องผ่อนซื้อสินค้าพร้อมกันหลายรายการในคราวเดียว ยอดเงินผ่อนอาจสูงเกินความสามารถในการชำระคืนได้เหมือนกัน  
5. ศึกษาข้อมูลสิทธิประโยชน์จากการใช้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด หรือบัตรผ่อนสินค้า เพื่อให้ได้รับความคุ้มค่าจากการใช้จ่ายมากที่สุด
สร้างประวัติการเงินใหม่ แก้เครดิตที่เสียไปให้กลับมาดีเหมือนเดิม
การผ่อนชำระไม่ตรงเวลาอาจทำให้สถานะทางบัญชีในเครดิตบูโรขึ้นว่าค้างชำระ สร้างความด่างพร้อยให้กับประวัติเครดิตของเราได้ เมื่อเครดิตเสียไปแล้ว อยากจะกลับมามีเครดิตที่ดีดังเดิม ยังพอมีหนทางฟื้นฟูเครดิตที่เสียไปอยู่ ด้วยการเคลียร์หนี้ที่เหลืออยู่ให้หมดไป 
หากมีหนี้ผ่อนจ่ายค้างชำระจากบัตรเครดิตหลายใบ ให้พยายามรวมหนี้เป็นก้อนเดียว เพื่อให้ง่ายต่อการจัดการหนี้ จากนั้นให้ยื่นขอสินเชื่อกับสถาบันการเงิน เพื่อปิดยอดดอกเบี้ยแพง และผ่อนชำระหนี้ในอัตราดอกเบี้ยที่ถูกลงกับสถาบันการเงินเพียงแห่งเดียว 
หากยอดค้างชำระสูงเกินความสามารถในการผ่อนจ่ายได้ตามกำหนด อาจต้องติดต่อสถาบันการเงินเจ้าของบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด หรือสินเชื่อ เพื่อขอเจรจาปรับโครงสร้างหนี้
หลังจากเคลียร์หนี้จนหมดสิ้นแล้ว ค่อยมาสร้างประวัติการเงินใหม่ โดยการหยุดจ่ายขั้นต่ำ สร้างวินัยที่ดีทางการเงินพร้อมกับวางแผนทางการเงิน จัดสรรรายได้โดยแบ่งออกเป็นสัดส่วน ให้ครอบคลุมกับค่าใช้จ่ายในแต่ละวัน และเงินเก็บออมสำรองไว้ใช้ในอนาคต เมื่อเป็นหนี้ต้องชำระหนี้ให้ตรงเวลา ไม่ผิดนัดชำระอีก เพียงเท่านี้เครดิตที่เสียไปก็จะกลับมามีประวัติที่ดีดังเดิม