ผิดนัดชำระหนี้ มีผลกับสินเชื่ออย่างไร ?

ต้องยอมรับว่าในปัจจุบันนี้เศรษฐกิจและการเงินมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการใช้บริการด้านการเงินในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและการเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน จึงได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามเมื่อเกิดการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน การบริหารและจัดการชำระหนี้ถือเป็นเรื่องที่สำคัญ แล้วถ้าหากคุณไม่สามารถชำระหนี้ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในสัญญาได้นั้น จะเป็นการผิดนัดชำระหนี้ธนาคาร หรือสถาบันการเงินต่าง ๆ ซึ่งจะมีผลกระทบกับสินเชื่อทั้งในระยะสั้นและระยะยาวอย่างไรบ้างไปดูกัน

การผิดนัดชำระหนี้ของลูกหนี้คืออะไร

การผิดนัดชำระหนี้ คือ การที่ลูกหนี้ไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงในการชำระหนี้ตามกำหนดเวลา เช่น ไม่จ่ายเงินคืน ไม่ส่งของ หรือไม่ให้บริการตามสัญญา ซึ่งส่งผลให้ลูกหนี้ถูกมองว่าผิดสัญญาและเจ้าหนี้สามารถใช้สิทธิทางกฎหมายเรียกร้องหรือฟ้องร้องได้ โดยการจะถือว่าลูกหนี้ผิดนัดหรือไม่นั้น ต้องดูจากรายละเอียดของข้อตกลงและพฤติการณ์ของแต่ละกรณี

การผิดนัดชำระหนี้มีกี่กรณี

ในทางกฎหมายการผิดนัดชำระหนี้สามารถแบ่งออกเป็น 2 กรณี คือ ลูกหนี้ผิดนัดเพราะเจ้าหนี้เตือนแล้ว และลูกหนี้ผิดนัดโดยเจ้าหนี้ไม่ต้องเตือน การเข้าใจประเภทของการผิดนัดจะช่วยให้ทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้สามารถปฏิบัติตามสิทธิและหน้าที่ได้ถูกต้องตามกฎหมาย

ลูกหนี้ผิดนัดเพราะเจ้าหนี้เตือนแล้ว

เป็นการผิดนัดชำระหนี้ มาตรา 204 วรรคแรก บัญญัติว่า “ถ้าหนี้ถึงกำหนดชำระแล้ว และภายหลังแต่นั้นเจ้าหนี้ได้ให้คำเตือนลูกหนี้แล้ว ลูกหนี้ยังไม่ชำระหนี้ไซร้ ลูกหนี้ได้ชื่อว่าผิดนัดเพราะเขาเตือนแล้ว”

ลูกหนี้ผิดนัดโดยเจ้าหนี้ไม่ต้องเตือน

เป็นการผิดนัดชำระหนี้ มาตรา 204 วรรคสอง บัญญัติว่า “ถ้าได้กำหนดเวลาชำระหนี้ไว้ตามวันแห่งปฏิทิน และลูกหนี้มิได้ชำระหนี้ตามกำหนดไซร้ ท่านว่าลูกหนี้ตกเป็นผู้ผิดนัดโดยมิพักต้องเตือนเลย วิธีเดียวกันนี้ท่านให้ใช้บังคับแก่กรณีที่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าก่อนการชำระหนี้ ซึ่งได้กำหนดเวลาล่วงไว้จากคำบอกกล่าวโดยปฏิทินฉบับแต่วันที่ได้บอกกล่าว”

ผิดนัดชำระหนี้มีผลกับสินเชื่ออย่างไร

การผิดนัดชำระหนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของการเสียค่าปรับหรือดอกเบี้ยเท่านั้น แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อประวัติทางการเงินของเราอีกด้วย ซึ่งอาจทำให้ธนาคารหรือสถาบันการเงินพิจารณาไม่อนุมัติสินเชื่อในอนาคต หรือให้วงเงินสินเชื่อต่ำกว่าที่ต้องการ เพราะถือว่าเราเป็นผู้กู้ที่มีความเสี่ยงสูง

1. คะแนนเครดิต

สถาบันการเงินจะรายงานข้อมูลการชำระหนี้ไปยังบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ หรือ National Credit Bureau ซึ่งเป็นองค์กรที่รวบรวมและจัดการข้อมูลเครดิตของผู้ใช้บริการสถาบันการเงิน การผิดนัดชำระหนี้อาจทำให้คะแนนเครดิตบูโรของคุณลดลง ซึ่งคะแนนเครดิตบูโรนี้เป็นตัวกำหนดความเสี่ยงทางการเงินของคุณ เมื่อคุณได้คะแนนเครดิตที่ต่ำจากการผิดนัดชำระหนี้ ก็ยิ่งยากต่อการขอสินเชื่อในอนาคต

2. อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น

แน่นอนว่าหากคุณมีประวัติการผิดนัดชำระหนี้แล้ว สถาบันการเงินอาจพิจารณาความเสี่ยงทางการเงินของคุณว่าเป็นความเสี่ยงที่สูง ซึ่งอาจทำให้มีการกำหนดอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นกว่าปกติในสินเชื่อที่คุณได้ขอไป

3. การขอสินเชื่อในอนาคต

การมีประวัติการผิดนัดชำระหนี้อาจส่งผลต่อการอนุมัติหรือปฏิเสธการให้สินเชื่อได้เพราะก่อนที่สถาบันการเงินจะอนุมัติการให้สินเชื่อต่าง ๆ เช่น สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถยนต์ ฯลฯ ทางสถาบันการเงินมักตรวจสอบประวัติเครดิตของคุณก่อนที่จะอนุมัติว่ามีการผิดนัดชำระหนี้ หรืออยู่ใน Blacklist หรือไม่

4. การได้รับสิทธิประโยชน์

เมื่อคุณมีประวัติการผิดนัดชำระหนี้กับสถาบันการเงิน สิ่งที่ตามมาอีกหนึ่งอย่างคือคุณจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางการเงินลดลง เมื่อเปรียบเทียบกับคนอื่น ๆ เช่น ในกรณีที่ไม่เคยผิดนัดชำระหนี้เลย ผู้นั้นอาจได้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ วงเงินที่สูงขึ้น หรือเงื่อนไขที่ดีกว่า

แนวทางการปรับโครงสร้างหนี้กับสถาบันการเงิน

‘การปรับโครงสร้างหนี้’ เป็นวิธีที่สถาบันการเงินและผู้กู้สามารถร่วมกันกำหนดเงื่อนไขการชำระหนี้ใหม่ เพื่อแก้ไขสถานการณ์การผิดนัดชำระหนี้และลดผลกระทบทางการเงินในระยะยาว ซึ่งอาจช่วยลดภาระการชำระหนี้ที่มีปัญหาและช่วยสร้างสภาพการเงินที่แข็งแกร่งขึ้นในอนาคต โดยแนวทางการปรับโครงสร้างหนี้มีหลายรูปแบบที่สามารถจัดการได้และเหมาะสมกับสถานการณ์ทางการเงินของผู้กู้ ซึ่งมีแนวทาง ดังนี้

การลดอัตราดอกเบี้ย

คุณสามารถเสนอสถาบันทางการเงินให้พิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อช่วยลดภาระการชำระหนี้ได้ ถือเป็นการเสริมสภาพคล่องให้กับผู้กู้เป็นอย่างมาก เพราะถ้าอัตราดอกเบี้ยสูง ก็จะเป็นปัจจัยที่ทำให้เงินต้นที่ต้องชำระเพิ่มขึ้น

การเพิ่มระยะเวลาการชำระหนี้

การเพิ่มระยะเวลาการชำระหนี้จะช่วยลดจำนวนเงินต้นที่ต้องชำระในแต่ละเดือน ทำให้ผู้กู้สามารถจัดการการชำระหนี้ได้สะดวกขึ้น

การลดเงินต้น

การเสนอขอลดเงินต้นที่ต้องชำระ สถาบันการเงินจะพิจารณาให้ความเห็นชอบ ก็ต่อเมื่อคุณสามารถชำระหนี้ค้างชำระเป็นส่วนหนึ่งของเงินต้น

การรวมหนี้

ในกรณีที่คุณมีหลายสินเชื่อหรือหนี้ค้างชำระกับหลายสถาบันการเงิน การรวมหนี้เป็นทางเลือกที่คุณสามารถปรับโครงสร้างหนี้ได้ โดยรวมหนี้ทั้งหมดเข้าด้วยกันเป็นหนี้เดียว

การลดค่าปรับการชำระหนี้

การผิดนัดชำระหนี้จำเป็นต้องมีการจ่ายค่าปรับ ซึ่งคุณสามารถขอให้สถาบันการเงินพิจารณาการลดหรือยุบค่าปรับให้น้อยลงได้

การเพิ่มเงินทุน

หากคุณมีทรัพย์สินหรือเงินออม การเพิ่มเงินทุนเข้าไปชำระหนี้อาจเป็นทางเลือกที่ดีในการลดหนี้ค้างชำระ

ทั้งนี้ หากคุณกำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขการชำระหนี้เดิมได้ หรือกำลังมองหาวิธีการรับมือในการผิดนัดชำระหนี้ การปรับโครงสร้างหนี้และจัดทำแผนที่เหมาะสมกับสถานการณ์การเงินในปัจจุบันของคุณถือเป็นสิ่งที่จำเป็น ซึ่งบัตรกดเงินสดยูเมะพลัสนับเป็นอีกหนึ่งตัวช่วย ให้คุณจัดสรรและวางแผนการเงินได้อย่างมีคุณภาพ ลดโอกาสในการเกิดหนี้และสามารถจัดการกับค่าใช้จ่ายได้อย่างลงตัว เพื่อเครดิตที่ดีและการเข้าถึงสินเชื่ออื่น ๆ ในอนาคต พร้อมรองรับทุกความเสี่ยง ให้คุณจัดการบริหารเรื่องทางการเงินได้ง่ายขึ้น เช่น กดเงินสดดอกเบี้ย 0% นาน 30 วัน* หรือสมัครไว้แล้วไม่ได้กดเงินก็ไม่เสียดอกเบี้ย
บัตรกดเงินสดยูเมะพลัส

*เพียงมียอดเบิกถอนเงินสดภายใน 30 วันหลังจากได้รับการอนุมัติ (เฉพาะยอดเบิกถอนภายในวันแรก สำหรับลูกค้าใหม่) หลังจบรายการส่งเสริมการขายอัตราดอกเบี้ยจะถูกปรับเป็นอัตราดอกเบี้ย 19.8% - 25% ต่อปี, ดูเงื่อนไขได้ที่เว็บไซต์ยูเมะพลัส, กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว